กรุงเทพฯ 5 มิ.ย. – บมจ.มากุโระ กรุ๊ป ธุรกิจร้านอาหาร และเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์ “มากุโระ (MAGURO)” “ซัมติง ทูเก็ทเตอร์ (SSAMTHING TOGETHER)” และ “ฮิโตริชาบู (HITORI SHABU)” เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ วันนี้ ราคาปรับขึ้นจาก IPO ทันที 6.20 บาท คิดเป็น 38.99%
นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานผู้ออกหลักทรัพย์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกล่าวแสดงความยินดีกับบริษัทอ มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ซึ่งเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอไอ (mai) วันนี้ (5 มิ.ย.) ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 2,003.40 ล้านบาท โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “MAGURO”
บมจ. มากุโระ กรุ๊ป เข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายใน mai ภายใต้กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร โดยใช้ชื่อย่อในการซื้อขายหลักทรัพย์ว่า “MAGURO”
MAGURO ดำเนินธุรกิจร้านอาหาร จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม รวมถึงให้บริการจัดส่งอาหาร และรับจัดเลี้ยงนอกสถานที่ ภายใต้เครื่องหมายการค้าทั้งหมด 3 แบรนด์ จากสาขาของร้านอาหารทั้งหมด 27 สาขาได้แก่ 1) มากุโระ ร้านอาหารญี่ปุ่นและซูชิที่เปิดดำเนินการในปี 2558 จำนวน 14 สาขา พร้อมบริการจัดส่งอาหารผ่านแพลตฟอร์ม MAGURO Go 2) ซัมติง ทูเก็ทเตอร์ ร้านปิ้งย่างเกาหลีพรีเมียม เปิดดำเนินการในปี 2564 จำนวน 6 สาขา และ 3) ฮิโตริ ชาบู ร้านอาหารชาบูและสุกี้ยากี้สไตล์ญี่ปุ่นแบบต้นตำหรับ เปิดดำเนินการในปี 2565 จำนวน 7 สาขา ครอบคลุมพื้นที่ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล โดยมีครัวกลางตั้งอยู่ที่ซอยเฉลิมพระเกียรติ ร.9 เขตประเวศ ในไตรมาสแรกปี 2567 บริษัทมีรายได้แยกตามแบรนด์ร้านอาหารมากุโระ : ฮิโตริ ชาบู : ซัมติง ทูเก็ทเตอร์ ในสัดส่วน 58 : 25 : 17 ตามลำดับ
MAGURO มีทุนชำระแล้วหลังเสนอขาย 63 ล้านบาท มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 104.54 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 21.46 ล้านหุ้น โดยผู้ถือหุ้นเดิมจะนำหุ้นออกขาย 12.6 ล้านหุ้น เป็นการเสนอขายต่อบุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์จำนวน 32.78 ล้านหุ้น เสนอขายต่อผู้มีอุปการคุณของบริษัท 0.62 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อกรรมการ ผู้บริหาร และพนักงาน 0.66 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 28-30 พฤษภาคม 2567 ในราคาหุ้นละ 15.90 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนหุ้นออกใหม่ 341.22 ล้านบาท รวมมูลค่าการเสนอขาย IPO 541.56 ล้านบาท มูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 2,003.40 ล้านบาท
ทั้งนี้ การกำหนดราคาเสนอขายหุ้น IPO พิจารณาอัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (Price to Earnings Ratio: P/E Ratio) เท่ากับ 27.38 เท่า ซึ่งคำนวณจากกำไรสุทธิ12 เดือนย้อนหลัง (ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2566 ถึงวันที่ 31 มีนาคม 2567) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วภายหลังการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (fully diluted) จะได้กำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.58 บาท โดยมีบริษัท เจย์ แคปปิตอล แอดไวเซอรี จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัสจำกัด (มหาชน) เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย
ทันทีที่เปิดเทรด ราคา MAGURO ปรับขึ้นจาก IPO ที่ 15.90 บาท มาอยู่ที่ 22.10 บาท โดยปรับขึ้น 6.20 บาทหรือคิดเป็น 38.99%
นายเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบมจ. มากุโระ กรุ๊ป เปิดเผยว่า จากความประทับใจใน“วัฒนธรรมแห่งการให้มากกว่าที่ขอ (Give More)” ตามปรัชญาของชาวญี่ปุ่น คือจุดเริ่มต้นของการประกอบธุรกิจร้านอาหารระดับ Premium – Mass เพื่อมอบประสบการณ์แห่งมื้ออาหารที่คุ้มค่าและเปี่ยมคุณภาพให้กับลูกค้า สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุนจะนำไปขยายธุรกิจของบริษัท ปรับปรุงสาขาเดิมและครัวกลาง ติดตั้งและปรับปรุงเทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับการปฏิบัติงาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานและรองรับการขยายตัวของจำนวนสาขาในอนาคต ตลอดจนใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินงาน
MAGURO มีผู้ถือหุ้นใหญ่หลัง IPO คือ ผู้ก่อตั้ง 4 ท่าน ประกอบด้วย นายเอกฤกษ์ แสงเสรีดำรง นายชัชรัสย์ศรีอรุณ นายรณกาจ ชินสำราญ นายจักรกฤติ สายสมบูรณ์ ถือหุ้นท่านละ 14.86 % และ Holistic Impact Pte. Ltd ซึ่งเป็นกองทุน Private Equity Fund ถือหุ้น 13.52 % บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราไม่น้อยกว่าร้อยละ 40 ของกำไรสุทธิของงบการเงินบริษัทภายหลังจากหักภาษีและเงินทุนสำรองตามกฎหมาย
ผู้ลงทุนและผู้สนใจ สามารถดูรายละเอียด จากหนังสือชี้ชวนของบริษัทที่เว็บไซต์ของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th และข้อมูลทั่วไปของบริษัทที่ www.maguro.co.th และ www.set.or.th .-512-สำนักข่าวไทย