เส้นทางเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ

กรุงเทพฯ 9 พ.ค. – ก.ล.ต.เผยทั่วโลกเกิดสภาพภูมิอากาศสุดขั้วบ่อยและรุนแรงขึ้น ไทยติดอันดับ 4 เสี่ยงผลกระทบเศรษฐกิจ แนะรัฐ-เอกชน จัดสรรเงินทุนสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำอย่างเป็นธรรม ควบคู่มิติด้านสังคมและแรงงาน


ฝ่ายตราสารหนี้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เผยแพร่บทความ เรื่อง “เส้นทางการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ” โดยระบุว่าปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่เกิดขึ้นในปัจจุบันกำลังส่งสัญญาณเตือนว่า ทั่วโลกต้องเร่งร่วมมือกันดำเนินการเพื่อบรรเทาปัญหานี้อย่างจริงจัง โดยตัวชี้วัดปัญหาที่สำคัญจะเห็นได้จากข้อมูลของ Copernicus Climate Change Service (C3S) ผู้ให้บริการด้านข้อมูลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ภายใต้ Copernicus Earth Observation Programme ของสหภาพยุโรป ที่เผยแพร่เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2567 ระบุว่าอุณหภูมิของโลกในปี 2566 มีช่วงที่ปรับสูงขึ้นเกินกว่าระดับ 1.5 องศาเซลเซียสแล้ว เมื่อเทียบกับระดับก่อนการปฏิวัติอุตสาหกรรม อีกทั้งในปัจจุบันการเกิดภัยธรรมชาติและเหตุการณ์สุดขั้วของสภาพภูมิอากาศก็มีความถี่เพิ่มมากขึ้นและทวีความรุนแรงอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ จากรายงาน Emissions Gap Report 2023 ของ United Nations Environment Programme ยังระบุว่า แผนงานและมาตรการต่าง ๆ ที่ทั่วโลกดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน จะสามารถควบคุมอุณหภูมิของโลกให้เพิ่มขึ้นได้ไม่เกิน 2.5 – 2.9 องศาเซลเซียสเท่านั้น ซึ่งยังห่างไกลจากเป้าหมายภายใต้ความตกลงปารีสที่จะควบคุมการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยทั่วโลกให้ต่ำกว่า 2 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับระดับก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม และมุ่งมั่นที่จะรักษาการเพิ่มขึ้นของอุณหภูมิเฉลี่ยของโลกให้ไม่เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ในศตวรรษนี้ จากสถานการณ์ที่อุณหภูมิโลกยังสูงขึ้นต่อเนื่องเช่นนี้ สิ่งมีชีวิตหลายชนิดจะต้องอพยพย้ายถิ่น หรืออาจจะสูญพันธุ์ ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงอาจท่วมพื้นที่เศรษฐกิจและถิ่นที่อยู่อาศัย ประกอบกับภัยธรรมชาติที่รุนแรงยิ่งขึ้นจะส่งผลกระทบต่อสังคมและเศรษฐกิจของโลกโดยรวม


สำหรับประเทศไทย จากรายงานของ Swiss Re Institute (2021) ระบุว่า ประเทศไทยมีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบทางเศรษฐกิจรุนแรงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศเป็นอันดับ 4 จากกลุ่มตัวอย่างจำนวน 48 ประเทศทั่วโลก (ครอบคลุมร้อยละ 90 ของ GDP โลก) และในกรณีที่อุณหภูมิเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นเกิน 2 – 2.6 องศาเซลเซียส คาดว่าจะส่งผลกระทบให้ GDP ของประเทศไทยลดลงถึงร้อยละ 33 – 36 ในปี 2048 (พ.ศ. 2591)

การเปลี่ยนผ่านสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ที่ผ่านมาการดำเนินงานเพื่อขับเคลื่อนเข้าสู่เป้าหมายความตกลงปารีส ทั้งภาครัฐและเอกชนเน้นให้ความสำคัญกับการส่งเสริมเศรษฐกิจ “สีเขียว” ซึ่งหมายถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Greenhouse Gas: GHG) เป็นศูนย์หรือใกล้เคียงศูนย์แล้ว อย่างไรก็ดี หากจะบรรลุเป้าหมายภายใต้ความตกลงปารีส การมุ่งเน้นสนับสนุนเฉพาะกิจกรรมสีเขียวอาจไม่เพียงพอ แต่ต้องครอบคลุมถึงอุตสาหกรรมที่ยังคงปล่อย GHG สูง และลดการปล่อย GHG ได้ยาก (hard-to-abate sector) เช่น การผลิตซีเมนต์ การผลิตเหล็กและอะลูมิเนียม การผลิตเคมีภัณฑ์ และการผลิตพลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ซึ่งกิจกรรมเหล่านี้คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 20 ของ GDP โลก และมีส่วนสำคัญในห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรมอื่น ๆ โดยรวมแล้วคิดเป็นสัดส่วนประมาณร้อยละ 85 ของ GDP โลก ดังนั้น หากทั้งกิจกรรมใน hard-to-abate sector และห่วงโซ่อุปทานที่เกี่ยวข้องสามารถเปลี่ยนผ่านได้สำเร็จ จะสามารถลดการปล่อย GHG ทั่วโลกลงได้อย่างมีนัยสำคัญ

ด้วยเหตุนี้ การเปลี่ยนผ่านไปสู่การดำเนินธุรกิจที่มีการปล่อย GHG ต่ำ (Transition) ในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ยังคงปล่อย GHG สูง และลดการปล่อย GHG ได้ยาก จึงมีความสำคัญและต้องเริ่มทำอย่างเร่งด่วน โดยในระยะเริ่มต้น กิจกรรมกลุ่มนี้อาจยังไม่มีเส้นทางการเปลี่ยนผ่าน (pathway) ไปสู่กิจกรรมสีเขียวที่สอดรับกับเป้าหมายภายใต้ความตกลงปารีส แต่หากได้รับการสนับสนุนและเงินทุนที่เพียงพอให้สามารถเริ่มการ Transition ได้อย่างรวดเร็ว กิจกรรมเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะสามารถปรับปรุงเส้นทางการเปลี่ยนผ่านของตนเองให้สอดคล้องกับเป้าหมายดังกล่าวได้ในอนาคต ซึ่งการสนับสนุนตามแนวทางดังกล่าวข้างต้นสามารถทำได้หลายรูปแบบ เช่น การศึกษาวิจัยเพื่อเปลี่ยนไปใช้เทคโนโลยีที่ปล่อย GHG ต่ำ (เช่น พลังงานไฮโดรเจน) การเพิ่มประสิทธิภาพของเครื่องจักรที่ประหยัดพลังงานหรือเครื่องจักรที่ใช้พลังงานไฟฟ้าแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล และการเปลี่ยนไปใช้วัตถุดิบธรรมชาติที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เป็นต้น


การ Transition นอกจากจะช่วยให้เกิดการลด GHG ลงได้อย่างมีนัยสำคัญแล้ว ยังช่วยให้ธุรกิจอยู่รอดและยกระดับความสามารถในการแข่งขันในภาวะที่ตลาดโลกต่างให้ความสำคัญกับการปรับเปลี่ยนธุรกิจรวมถึงห่วงโซ่อุปทานให้มีความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (greening value chain) อีกด้วย

เส้นทางการเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นธรรม
นอกจากคำนึงถึงการลดการปล่อย GHG สู่ชั้นบรรยากาศ และการบรรเทาปัญหาโลกร้อนแล้ว การ Transition ยังต้องพิจารณามิติด้านสังคมและแรงงานควบคู่ไปด้วย ประเด็นนี้จึงถูกกล่าวถึงอย่างมากภายใต้หลักการเรื่องการเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นธรรม (Just transition) เนื่องจากการ Transition ครอบคลุมตั้งแต่การปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงาน การเปลี่ยนเทคโนโลยี ไปจนถึงการหยุดกิจกรรมบางอย่างเพื่อเปลี่ยนไปทำกิจกรรมที่ปล่อย GHG ต่ำกว่า (เช่น การปิดโรงไฟฟ้าถ่านหิน เปลี่ยนจากโรงงานผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลเป็นโรงงานผลิตไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด เป็นต้น) มีความเป็นไปได้ที่จะส่งผลต่อแรงงานในด้านลบ เนื่องจากปัจจุบันยังมีอุตสาหกรรมจำนวนมากที่ใช้เทคโนโลยีที่ปล่อย GHG เข้มข้น และเป็นแหล่งจ้างงานของแรงงานจำนวนมาก โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ซึ่งหากแรงงานไม่ได้รับการฝึกทักษะใหม่ ๆ ให้พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ก็มีความเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบ เช่น ว่างงานหรือมีรายได้น้อยลง เกิดความยากจน เป็นต้น และจะส่งผลกระทบต่อเนื่องไปยังสภาพเศรษฐกิจและสังคมโดยรวม การ Transition จึงจะต้องคำนึงถึงผลกระทบในประเด็นเหล่านี้ด้วย

สนับสนุนการ Transition ในภูมิภาค
การ Transition ต้องคำนึงถึงบริบทของอุตสาหกรรมหรือภูมิภาคที่แตกต่างกันออกไป เช่น ระดับการพัฒนาของโครงสร้างพื้นฐาน ระดับการพัฒนาของเทคโนโลยีและนวัตกรรม นโยบายทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม โครงสร้างและระดับการพัฒนาของเศรษฐกิจและสังคม เป็นต้น จึงมีความเป็นไปได้ที่แต่ละธุรกิจจะมีแผนงานและ pathway สำหรับการ Transition ที่แตกต่างกันออกไป โดยธุรกิจบางส่วนในประเทศพัฒนาแล้ว มีโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีพร้อมที่จะสนับสนุนให้สามารถกำหนด Transition pathway ได้สอดคล้องกับเป้าหมายความตกลงปารีส ในขณะที่ธุรกิจในประเทศกำลังพัฒนาซึ่งส่วนใหญ่เป็นธุรกิจในอุตสาหกรรมที่ยังคงปล่อย GHG สูง และลดการปล่อย GHG ได้ยาก และเป็นวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) โดยเฉพาะในอาเซียนที่มี SME คิดเป็นสัดส่วนถึงร้อยละ 97-99 ของธุรกิจทั้งหมด ยังขาดความพร้อมทั้งในแง่ความรู้ความเข้าใจ เครื่องมือ เทคโนโลยี และโครงสร้างพื้นฐาน ที่จะเอื้อต่อการเริ่ม Transition ของธุรกิจ

นอกจากนี้ การ Transition ไปสู่สังคมคาร์บอนต่ำยังต้องการเงินทุนจำนวนมหาศาลเพื่อลงทุนในกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การศึกษาพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ ๆ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อให้เกิดการ Transition และการเสริมสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการและแรงงานให้มีความพร้อมและมีทักษะที่เหมาะสม เป็นต้น สำหรับภูมิภาคเอเชียมีการประมาณการว่า มีความต้องการเงินทุนถึง 9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ไปจนถึงปี 2593 เพื่อลงทุนในกิจกรรมด้านการเปลี่ยนผ่าน ซึ่งเงินทุนจากภาครัฐอาจไม่เพียงพอ ทำให้ภาคเอกชนต้องเข้ามามีส่วนร่วมในการลงทุนด้วย ส่วนภาคการเงินซึ่งรวมถึงตลาดทุนก็จะมีบทบาทสำคัญที่จะเป็นตัวกลางในการจัดสรรเงินทุนในระบบเศรษฐกิจไปสู่กิจกรรมเพื่อการเปลี่ยนผ่าน

อย่างไรก็ดี การจัดสรรเงินให้ตรงจุดและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อการ Transition ต้องมีการกำหนดนิยามให้ชัดเจนว่ากิจกรรม Transition และการระดมทุนเพื่อการเปลี่ยนผ่านหรือ Transition finance ต้องมีลักษณะหรือองค์ประกอบอย่างไร จึงจะมีความน่าเชื่อถือ ลดข้อกังวลในการถูกมองว่าเป็น greenwashing และสอดรับกับบริบทที่แตกต่างกันของธุรกิจที่มาระดมทุน ตลอดจนตระหนักถึงหลักการการเปลี่ยนผ่านอย่างเป็นธรรมด้วย. -516-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ข่าวแนะนำ

ซุ้มไฟเฉลิมพระเกียรติฯ สุดตระการตา รับประเพณียี่เป็ง

ยามค่ำคืนในตัวเมืองเชียงใหม่ ประดับประดาด้วยแสงไฟรับประเพณียี่เป็ง หรือลอยกระทงเชียงใหม่ โดยเฉพาะบนถนนท่าแพ มีการสร้างซุ้มประดับไฟเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 14 ซุ้ม ยาวกว่า 200 เมตร.

“ฟิล์ม รัฐภูมิ” ตั้งโต๊ะแจงปมรีดทรัพย์ รับอ้างชื่อ “หนุ่ม กรรชัย” เพื่อขายงาน

“ฟิล์ม รัฐภูมิ” ตั้งโต๊ะแจงปมเรียกรับเงิน 20 ล้านบาท จากดิไอคอน ยอมรับอ้างชื่อ “หนุ่ม กรรชัย” เพราะต้องการขายงาน

คุมตัว “ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” ฝากขัง เจ้าตัวเงียบรีบเดินขึ้นรถตู้

ตำรวจกองปราบคุมตัว “ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” ฝากขัง ผู้ต้องหาปัดตอบสื่อ ด้านพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เพราะมีพฤติการณ์หลบหนี