9 พ.ค. – สืบนครบาลบุกรวบ “มีนพระราม3” อ้างเป็นโมเดลลิ่งเก๊ ลวงเด็กเอ็นฯ ฉกเงิน “ผู้การจ๋อ” ลั่น ขยายผลต่อ เชื่อมีผู้เสียหายไม่ต่ำกว่า 100 ราย
สืบนครบาลสนธิกำลังติดตามจับกุมตัวนายกิตติกร หรือมีนพระราม3 อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญากรุงเทพใต้ ข้อหา “ลักทรัพย์ในเวลากลางคืน โดยใช้ยานพาหนะเพื่อสะดวกแก่การกระทำผิด หรือการพาทรัพย์นั้นไป และเพื่อให้พ้นการจับกุม” พบประวัติเคยถูกจับในข้อหา “ครอบครองยาเสพติดให้โทษประเภท 1 เพื่อจำหน่ายฯ” รับโทษอยู่ในเรือนจำเกือบ 3 ปี พ้นโทษเมื่อวันที่ 24 พ.ค. 62 โดยครั้งนี้จับกุมได้ที่ห้องพัก ม.8 ต.สะเดียง อ.เมืองเพชรบูรณ์ จ.เพชรบูรณ์
พฤติการณ์คือ บังมีนพระราม3 จะแฝงตัวอยู่ในกลุ่มไลน์ของเหล่าเด็กเอ็นฯ จากนั้นจะปลอมตัวเป็นโมเดลลิ่งสาว ทำทีทักไปหาสาวเอ็นเตอร์เทน โดยพุ่งเป้าไปที่สาวสวย หน้าอกใหญ่ และกำลังประกาศหางานภายในกลุ่ม จากนั้นจะเริ่มใช้ทักษะการสนทนาแบบทรงเจ๊ “ป้ายยา” ว่ามี “ลูกค้ารวย” สนใจ หว่านล้อมจนทำให้สาวๆ เข้าใจว่าตัวเองโชคดีที่จะได้เจอลูกค้ารายนี้
เมื่อเหยื่อตกลงรับงานจากคนร้ายแล้วมักจะนัดหมายเหยื่อไปย่าน “พระราม 3” ซึ่งก่อนจะเจอกันคนร้ายจะให้เหยื่อสาวไปถอนเงินในบัญชีมาเป็นเงินสดให้หมด โดยใช้อุบายว่าเดิมพันกับเพื่อนไว้ว่าเด็กเอ็นฯ จะพกเงินสดมาเท่าไร ถ้าใครทายถูกจะได้เงินจากการเดิมพัน หากชนะพนันจะนำเงินที่ชนะมาแบ่งให้กับเหยื่อสาว
เมื่อเหยื่อถอนเงินสดมาไว้เต็มกระเป๋าแล้วเดินทางมาถึงจุดนัดพบ คนร้ายจะเปลี่ยนจากโมเดลลิ่งในแชทไลน์ มาปลอมตัวเป็น “ลูกค้า” ทำทีโอ้อวดว่าเป็นเสี่ย ก่อนคนร้ายจะใช้เทคนิค “ไม่จ่ายเงินก่อน” จนกว่าจะเสร็จงาน เป็นการเหนี่ยวรั้งเหยื่อไว้
ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการเผด็จศึกเหยื่อ แล้วท้ายสุดยังแอบฉกเงินสดในกระเป๋าของเหยื่อ ก่อนจะหนีหายไป โดยบางรายถูกลวงให้ไปซื้อของ บางรายถูกลวงไปปล่อยทิ้งข้างทาง ปล่อยเหยื่อรอเก้อแล้วหายตัว เรียกได้ว่าคนที่ตกเป็นเหยื่อนั้นเสียทั้งตัวและเสียทั้งตังค์ ที่น่าตกใจกว่าคือเมื่อเหล่าสาวเอ็นฯ มีการสำรวจกันในวงการจนทราบว่ามีคนตกเป็นเหยื่อมาแล้วไม่ต่ำกว่า 50 ราย แต่เกือบทั้งหมดไม่กล้าแจ้งความดำเนินคดีเพราะอับอาย ล่าสุดมีเหยื่อสาว 2 ราย ขอความช่วยเหลือเพจสายไหมต้องรอด เพื่อให้ช่วยติดตามตัว “บังมีนพระราม3” มาดำเนินคดี
พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ส่งชุดสารวัตรแจ๊ะ ไล่ล่าติดตามตัว โดยทราบเบาะแสว่าคนร้ายไปอยู่ในกลุ่มแก๊งใหญ่ย่านพระราม 3 ชุดสืบสวนแกะรอยจนทราบว่าแหล่งมั่วสุม คือร้านขายขนมภายในซอยเจริญราษฎร์ 7 แขวงบางโคล่ เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯ หลังชุดสืบสวนซุ่มดูอยู่ 10 ชั่วโมง จึงนำกำลังบุกเข้าไปตรวจสอบภายในร้าน พบอุปกรณ์การผลิตและนำกระท่อมสำเร็จรูปจำนวนมาก แต่ไม่พบตัวคนร้าย ขณะเดียวกันคนร้ายทราบว่าชุดสืบสวนบุกมาที่นี่ จึงส่งข้อความไลน์มาว่าเดี๋ยวไปมอบเอง ไม่ต้องหา จ้งแจ๊ะไรก็หาไม่เจอหรอก พร้อมส่งภาพอาวุธปืนลูกโม่ท้าทายเจ้าหน้าที่
จากนั้นชุดสืบสวนวิเคราะห์พฤติกรรมที่เชื่อได้ว่าคนร้ายน่าจะอยู่ใน จ.เพชรบูรณ์ จึงนำกำลังบุกไปรวบตัวคนร้ายรายนี้คาเตียงนอนได้สำเร็จ
ในชั้นจับกุมคนร้ายให้การภาคเสธ โดยให้การว่า ตนมีโอกาสทำงานให้กับนางเอ โมเดลลิ่งรับจัดหาเด็กเอ็นฯ จึงเรียนรู้เกี่ยวกับงานด้านโมเดลลิ่ง จึงใช้อุบายโดยการแฝงตัวเข้าไปในกลุ่มไลน์ เพื่อปลอมตัวเป็นโมเดลลิ่งจัดหาเด็กเอ็นเตอร์เทน ติดต่อพูดคุยรายละเอียดงานกับเด็ก ในฐานะโมเดลลิ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ตนจะใช้บัญชีไลน์อีกบัญชีหนึ่งแอบอ้างตัวเป็นลูกค้าเพื่อนัดเจอกับเด็กเอ็นฯ เสียเอง โดยตนแฝงตัวเป็นโมเดลลิ่งและทำในลักษณะดังกล่าวกับเด็กเอ็นฯ หลายราย มีบางรายที่ตนเบี้ยวไม่ชำระค่าบริการให้ ทำเช่นนี้มาประมาณ 8 คน แต่ไม่ได้มีการขโมยเงิน หรือการข่มขืนตามที่เป็นข่าว
เมื่อทราบข่าวว่ามีการแจ้งความและจะมีการจับกุมตนเอง จึงหนีไปอาศัยอยู่กับญาติที่เพชรบูรณ์ เพื่อหาทางสู้คดี ต่อมาตนทราบข่าวจากร้านน้ำกระท่อมว่าตำรวจสืบนครบาล ชื่อสารวัตรแจ๊ะ บุกมาที่ร้าน ตนได้โทรไลน์ไปหาคนในร้านกระท่อม และส่งภาพอาวุธปืนไปให้หลังจากนั้น เป็นการส่งผิด ยืนยันไม่ได้เป็นการท้าทาย
เช้าวันต่อมาขณะตนกำลังนอนพักอยู่ในห้องนอนบ้านญาติที่เพชรบูรณ์ สารวัตรแจ๊ะมาปลุกตนถึงเตียง รู้สึกตกใจมาก เนื่องจากเมื่อคืนกลางดึกยังโทรคุยกับสารวัตรแจ๊ะอยู่เลย ยอมรับจากใจว่าชุดสืบนครบาลชุดนี้เก่งมากที่หาตนเจอ
หลังจับกุมตัวได้นำตัวนายกิตติกร หรือมีนพระราม3 ส่งพนักงานสอบสวน สน.ทุ่งมหาเมฆ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย
ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช กล่าวว่า ยังไม่ปักใจเชื่อในคำให้การของผู้ต้องหา เพราะเบาะแสล่าสุดที่มีพบผู้เสียหายมาเข้าแจ้งความเพิ่มอีกเป็นจำนวนมาก และจากการตรวจสอบในโทรศัพท์ของคนร้ายพบว่ากำลังแชทสนทนาลวงเหยื่ออยู่ถึง 8 ราย เมื่อดูจากหลักฐานต่างๆ แล้ววิเคราะห์ได้ว่าคนร้ายรายนี้ก่อเหตุมา เยอะมาก.-สำนักข่าวไทย