3 พ.ค. – ปทส.จ่อออกหมายจับ ผู้เช่าโกดังเก็บกากสารเคมี อ.ภาชี ย้ำเร่งทำสำนวนคดีให้เสร็จในเดือนนี้ ก่อนส่งอัยการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาสั่งฟ้อง
จากเหตุโกดังไฟไหม้ที่ อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา เมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา พล.ต.ต.วัชรินทร์ พูสิทธิ์ ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ผบก.ปทส.) เปิดเผยความคืบหน้าว่า โกดังดังกล่าวมีการเก็บสารเคมีที่มีฤทธิ์รุนแรงมาก และมีความอันตรายสูง เมื่อสูดดมเข้าไปอาจจะเกิดอาการมึนงง วิงเวียน หรืออาจรุนแรงถึงขั้นสลบได้ โดยทาง ปทส.ได้ร่วมกับกรมโรงงานในการตรวจสอบและพบการกระทำผิดว่ามีการเช่าโกดังเพื่อเก็บสารเคมี โดยโกดังแห่งนี้เป็น 1 ในเครือของ บ.เอกอุทัย ที่มีการรับกำจัดกากสารเคมี กล่าวโดยพฤติการณ์คือ ทางโรงงานมีการรับกำจัดกากขยะจากสารเคมี โดยรับกำจัดฯ ในอัตราที่ถูกกว่าบริษัทอื่น จึงมีบริษัทสารเคมีมาจ้างเยอะ แต่ทาง บ.เอกอุทัย ไม่ได้กำจัดอย่างถูกวิธี มีการเก็บไว้ในโกดัง และยังพบว่ามีการลักลอบทิ้งสารเคมีในบริเวณใกล้เคียงอีกด้วย ทั้งนี้ ได้มีการสอบปากคำพยานแล้ว 20 ปาก และผู้ต้องหาอีก 5 คน โดยผู้ต้องหาอีก 1 คน ที่เป็นผู้เช่าโกดังไม่ยอมเข้าให้ปากคำ จะต้องมีการออกหมายจับ และจะเร่งทำสำนวนคดีให้เสร็จในเดือนนี้ ก่อนส่งอัยการจังหวัดพระนครศรีอยุธยาสั่งฟ้องต่อไป
โดยจะถูกดำเนินคดีในข้อหา มีวัตถุอันตรายไว้ในครอบครอง, ความผิดตาม พ.ร.บ.ชลประทาน เพราะน้ำเสียจาก บ.ดังกล่าวไหลลงสู่แม่น้ำชลประทาน, ความผิดตาม พ.ร.บ.โรงงาน, ความผิดตาม พ.ร.บ.ส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม และความผิดตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข
ตอนนี้ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ประสานไปยังตำรวจสอบสวนกลาง และประสานมาที่ ปทส. ในการดูแล และขยายผลความเชื่อมโยงของโรงงานที่มีเหตุไฟไหม้ว่ามีการเชื่อมโยงกันยังไง และต้องป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก และฝากถึงประชาชนในการสอดส่อง ถ้าพบความผิดปกติสามารถแจ้ง สน.ในท้องที่ได้เลย เพื่อป้องกันเหตุการณ์แบบนี้ในอนาคต ทั้งนี้ จะต้องมีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดใน จ.ชลบุรี, จ.ปราจีนบุรี และ จ.ฉะเชิงเทรา เพราะเป็นเส้นทางมุ่งไปแหลมฉบัง จึงต้องมีการเอกซเรย์พื้นที่ส่วนนี้ก่อน. -420- สำนักข่าวไทย