นนทบุรี 13 พ.ค.- รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีพาณิชย์ โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวโต้นักวิชาการและนักการเมือง หลังวิจารณ์ “ข้าว 10 ปี” ตรวจพบสารก่อมะเร็ง ไม่ควรประมูลซื้อขายข้าว
ผู้สื่อข่าวรายงานนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ออกมาโต้นักวิชาการและนักการเมืองบางท่านที่มาวิจารณ์ “ข้าว 10 ปี” ตรวจพบสารก่อมะเร็งไม่ควรประมูลซื้อขายข้าวทางเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ใช้ข้อมูลและความรู้วิจารณ์ “ข้าว 10 ปี” เพื่อประโยชน์ของประเทศ ดีกว่าใช้จินตนาการนำความจริง จากรายงานข่าวที่ มีผู้กล่าวอ้างว่า ได้ทำการตรวจสอบข้าวสารในโกดังโครงการรับจำนำข้าว ซึ่งจะนำออกประมูลขายและอ้างว่าตรวจพบ สารก่อมะเร็งการประมูลซื้อขายข้าว
ในอดีตที่ผ่านมากระบวนการตรวจสอบสารปนเปื้อนในข้าวเคยพบว่าปริมาณสารปนเปื้อนเบื้องต้นในข้าวไม่เคยมีปัญหา และไม่เคยมีข้อมูลว่าการเก็บข้าวและจำนวนปีการเก็บข้าวจะเป็นปัญหา ถ้ามีการเก็บที่ถูกต้องตามมาตรฐาน ยิ่งในปัจจุบันการพัฒนาเทคโนโลยีมีความทันสมัยมากขึ้น จึงทำให้กระบวนการปรับปรุงคุณภาพข้าวก่อนทำการนำออกจำหน่ายไม่ว่าจะเป็นในประเทศ หรือ ต่างประเทศ แต่ละครั้ง จะมีการนำข้าวไปขัดสี ปรับปรุงเมล็ดข้าวจนเข้าเกณฑ์ food safety ตามมาตรฐานสากลเสียก่อน จึงสามารถทำการส่งออกหรือกระจายสู่ผู้บริโภคได้
ทั้งนี้ ภาคเอกชนที่ประกอบธุรกิจค้าขายข้าว และสมาคมข้าว ก็ต้องสร้างความมั่นใจให้ผู้ซื้อโดยมีระบบในการตรวจสอบสินค้านำเข้าของเขาอีกด้านหนึ่ง ซึ่งเป็นบริษัทเซอร์เวย์เยอร์ระดับมาตราฐานโลก เข้าทำการตรวจสอบสินค้าอยู่แล้ว ซึ่งเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนปกติ
กรณี “สารก่อมะเร็ง” ที่มีการอ้างถึงนี้ส่วนใหญ่จะพบในรำข้าวที่เกาะอยู่ในเมล็ดข้าวโดยยังไม่ได้มีการปรับปรุง หากมีการปรับปรุงและขัดสีแล้ว สารตัวนี้จะมีปริมาณลดลงกว่านี้มาก จนอยู่ในปริมาณที่ปลอดภัยต่อการบริโภค ในฐานะที่ผมเป็น รมว.กระทรวงพาณิชย์ เจตนาผมเพียงต้องการนำเอาข้าวที่ตกค้างอยู่ในสต็อก 2 โกดังสุดท้ายออกมาประมูลเพื่อนำรายได้กลับคืนคลัง ดีกว่าปล่อยให้ค้างเน่าเสีย (จริงๆ) จนไม่มีราคาการประมูลข้าวครั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์ ไม่มีอำนาจไปกำหนดว่าเอกชนที่ชนะการประมูลจะนำไปใช้ประโยชน์
อย่างไร เท่าที่ทราบ นอกจากธุรกิจส่งออกข้าวเก่าซึ่งมีตลาดในแถบแอฟริกาใต้แล้ว โรงงานกลั่นสุรา ก็ให้ความสนใจการเปิดให้มีการพิสูจน์ข้าวครั้งนี้ เจตนาผมเพียงต้องการที่จะสะสางปัญหาที่คั่งค้างอยู่อย่างโปร่งใส จึงเชิญทุกฝ่ายตั้งแต่ผู้ตรวจสอบข้าวตามมาตรฐานสากลเจ้าของโรงสีและผู้ประกอบการการค้าข้าวที่มี
ประสบการณ์ในการตรวจข้าว สื่อมวลชนไม่จำกัดสำนักจำนวนกว่า 30 ราย มาทำหน้าที่พิสูจน์ความจริงให้ประชาชนทราบ รวมทั้งผู้ว่าราชการจังหวัดและผู้บังคับการจังหวัดที่เป็นหัวหน้าหน่วยราชการประจำจังหวัด แต่เนื่องจากข้าวสองโกดังนี้ มีการเก็บมานานเป็นเวลาประมาณ 10 ปี ผมได้รับการร้องเรียนจากเจ้าของโกดังเก็บข้าวนี้ว่า ข้าว 2 กองนี้เป็นข้าวของรัฐ ปล่อยให้เขาก็บอกรักษานานนับ 10 ปีแล้วไม่ทำอะไรให้มีความคืบหน้าประเทศชาติ ก็จะเสียประโยชน์ อีกทั้งเจ้าของโกดังที่เป็นผู้เก็บรักษาข้าวก็เสียโอกาสในการนำโกดังข้าวไปทำมาค้าขาย
กระแสข่าวที่ออกมาให้ร้ายประเด็น ต่างๆ ยังขาดความเข้าใจกระบวนการเก็บข้าว การประมูล การตรวจสอบคุณภาพข้าว และการส่งออกของประเทศ ซึ่งเป็นกลไกกระบวนการที่ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายทำงานร่วมกันภายใต้มาตรฐานที่กำหนด ไม่ใช่เป็นการตัดสินใจกระทำการโดยลำพังเพื่อผลประโยชน์ของใคร ผมมีความเสียใจอย่างยิ่งที่การตั้งใจสะสางงานในหน้าที่ให้แล้วเสร็จเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติโดยรวมในครั้งนี้กลับถูกแปรเจตนาเป็นอื่นและใช้อคติหรือการแบ่งฝักฝ่ายมาด้อยค่าคุณภาพข้าวไทย จนก่อให้เกิดกระแสความไม่ไว้วางใจในคุณภาพสินค้าข้าวของไทย
ผมขอเสนอให้ใช้ข้อมูล และความรู้ที่ถูกต้อง วิเคราะห์อย่างเป็นธรรมว่า กระบวนการซื้อขายข้าวที่จะนำมาประมูลเป็นไปตามระบบและกระบวนการที่ควรจะเป็น จะเกิดผลดีต่อประเทศชาติมากกว่าหรือไม่? เพราะกระบวนการตรวจสอบตามระบบมีความน่าเชื่อถือ และเป็นไปตามหลักสากลอยู่แล้ว
เรื่อง “ข้าว 10 ปี” หากวิพากษ์วิจารณ์ โดยมี “อคติทางการเมือง” และ “จินตนาการ” มาชี้นำ”ความจริง” จนกลายเป็นการด้อยค่าข้าวไทย จนทำให้ประเทศเสียประโยชน์ ผมเชื่อมั่นว่าทุกคนในสังคมไทยไม่อยากให้เป็นเช่นนั้น และ ยังอยากเชื่อโดยสุจริตว่า ทุกท่านคงไม่ อยากเห็นการสร้างวาทกรรมเปลี่ยนข้าวดีเป็นข้าวเน่าทำให้รัฐเสียประโยชน์มหาศาลอย่างที่แล้วมา.-514-สำนักข่าวไทย