คพ. เผยไฟไหม้โรงงานบ้านค่าย พบไอระเหยสารเคมี-เหม็นไหม้

ระยอง 23 เม.ย.- อธิบดีกรมควบคุมมลพิษระบุ เจ้าหน้าที่ตรวจวัดคุณภาพอากาศบริเวณโดยรอบสถานที่เกิดเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บกากของเสียอันตรายและสารเคมีอันตราย พบไอระเหยสารเคมีเล็กน้อยทิศเหนือของโรงงาน และยังมีกลิ่นเหม็นไหม้ แต่คุณภาพอากาศยังไม่อยู่ในเกณฑ์ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ โดยจะยังคงติดตามตรวจสอบอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะเป็นปกติ


กรมควบคุมมลพิษ (คพ.) รายงานการตรวจสอบคุณภาพอากาศบริเวณสถานที่เกิดเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บกากของเสียอันตรายและสารเคมีอันตรายของบริษัท วิน โพรเสส จำกัด ตำบลบ้านค่าย อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง โดยวานนี้คพ. ได้ตรวจสอบคุณภาพอากาศโดยรอบบริเวณพื้นที่โรงงานและชุมชนโดยรอบโดยเฉพาะบริเวณท้ายลม ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือและทิศเหนือของพื้นที่โรงงานตั้งแต่ ระยะ 300 เมตร จนถึงประมาณ 10 กิโลเมตร ตั้งแต่เวลาประมาณ 10.30 – 20.20 น. พบว่า คุณภาพอากาศยังอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน ไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพ โดยตรวจพบไอระเหยสารเคมีเล็กน้อย บริเวณห่างจากโรงงานไปทางด้านทิศเหนือประมาณ 4 กิโลเมตรและได้รับกลิ่นเหม็นไหม้บริเวณด้านท้ายลม ซึ่งคพ. แจ้งผลการตรวจสอบให้หน่วยงานท้องถิ่นได้แก่ อบต. บางบุตร และพื้นที่ข้างเคียงได้รับทราบและให้ประกาศแจ้งให้ประชาชนในพื้นที่เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์จนกว่าเหตุการณ์จะยุติ

เหตุดังกล่าวมีนายกัฬชัย เทพวรชัย รองผู้ว่าราชการเป็นผู้บัญชาการเหตุฉุกเฉิน โดยได้มีการอพยพประชาชนในพื้นที่หมู่ 4 8 และ 11 ในพื้นที่ตำบลบางบุตรและหมู่ 11 ในพื้นที่ตำบลหนองบัวซึ่งอยู่ด้านท้ายลมมายังศูนย์อพยพชั่วคราวบริเวณวัดหนองพะวา ต่อมาพิจารณาหาศูนย์อพยพใหม่ที่เหมาะสมเนื่องจากช่วงกลางคืนลมเปลี่ยนทิศทางมายังทิศตะวันตกเฉียงใต้ โดยจุดอพยพที่เหมาะสมใหม่เป็นบริเวณด้านเหนือลม เบื้องต้นพบมีผู้มีอาการวิงเวียน บาดเจ็บเล็กน้อย 5 คน


ในเวลา 20.00 น. คืนที่ผ่านมา เพลิงยังคงลุกไหม้ แต่สามารถควบคุมเพลิงได้ในวงจำกัด โดยเจ้าหน้าที่ไล่ดับเพลิงที่คุอยู่ในกองกากของเสียอุตสาหกรรมให้ดับสนิท โดยมีหน่วยงานที่ร่วมสนับสนุน ประกอบด้วย อำเภอบ้านค่าย อบต. บางบุตร อบต. หนองละลอก อบต. หนองบัว อบต. มาบยางพร เทศบาลตำบลชากบก เทศบาลตำบลบ้านค่าย เทศบาลตำบลบ้านค่ายพัฒนา อบต. หนองบัว เทศบาลนครระยอง บริษัท NPC บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) และมูลนิธิสว่างพรกุศลจังหวัดระยองซึ่งนำรถดับเพลิงโฟม รถบรรทุกน้ำ และรถกู้ชีพกู้ภัยหลายคัน และเจ้าหน้าที่กว่า 50 คนเข้าทำการระงับเหตุ

สำหรับเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บกากของเสียอุตสาหกรรมและสารเคมีอันตรายของบริษัท วิน โพรเสส จำกัด เกิดขึ้นเวลา ประมาณ 09.00 น. วานนี้ (วันที่ 22 เมษายน 2567) โดยโกดังเก็บกากของเสียอุตสาหกรรมและสารเคมีอันตรายมี 5 อาคารซึ่งจุดเกิดเหตุเป็นโกดังเก็บกากของเสียอุตสาหกรรม อาคาร 5 ซึ่งมีพื้นที่มากที่สุด อยู่ติดกับสวนของประชาชน (ลุงเทียบ)

สำหรับอาคาร 1 จัดเก็บน้ำเสียปนเปื้อนและตะกอนปนเปื้อน อาคาร 2 บ่อตะกอนน้ำมัน อาคาร 3 เศษวัสดุ ยางรถยนต์ พลาสติก แผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น อาคาร 4 เก็บถัง IBC 1000 ลิตร และถัง 200 ลิตร และอาคาร 5 ส่วนหน้าอาคาร เศษวัสดุ ถัง IBC 1000 ลิตร เศษพลาสติก กองยิปซัม เถ้าลอย เป็นต้น ส่วนกลางอาคาร ถัง 200 ลิตร และขยะทั่วไป ส่วนหลังอาคาร บ่อของเสีย และพื้นที่ระหว่างอาคาร 3 กับอาคาร 5 มีการจัดเก็บน้ำเสียปนเปื้อน น้ำกรด และกากตะกอน จำนวนมาก ปัจจุบันถูกเพลิงไหม้ทั้งหมด


คพ. ให้คำแนะนำการป้องกันตนเองของเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานดังนี้
1) เจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการฉุกเฉินสารเคมีและเจ้าหน้าที่ดับเพลิง ในพื้นที่จุดเกิดเหตุและพื้นที่อันตราย (Hot zone) ให้สวมใส่ชุดป้องกันอันตรายส่วนบุคคลระดับสูงสุดในระดับ A หรือระดับ B ขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณสารเคมี โดยป้องกันระบบทางเดินหายใจ ดวงตาและผิวหนังทุกส่วนของผู้ปฏิบัติงาน
2) เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ปนเปื้อนสารเคมี และบริเวณควบคุมและขจัดสารเคมีที่มีความเสี่ยงระดับกลาง – ต่ำ (Warm Zone) ให้สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลในระดับการปกป้องที่น้อยกว่าพื้นที่จุดเกิดเหตุและอันตราย เช่น ชุดป้องกันส่วนบุคคลระดับ C
3) เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานในพื้นที่ที่ไม่มีสารเคมีปนเปื้อน และเป็นที่ตั้งของศนย์บัญชาการในพื้นที่เกิดเหตุ (Support Zone) ให้สวมใส่ชุดป้องกันอันตรายส่วนบุคคลที่ไม่มีความเสี่ยง และคล่องตัวในการปฏิบัติงานเช่น ชุดป้องกันส่วนบุคคลระดับ D

ส่วนประชาชนที่ได้รับผลกระทบอพยพออกจากพื้นที่ไปอยู่ในบริเวณทิศทางเหนือลมหรือพื้นที่ศูนย์อพยพที่หน่วยงานราชการกำหนด ในกรณีที่ไม่จำเป็นต้องอพยพให้ปฏิบัติตามแนวทางที่หน่วยงานราชการกำหนด

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ คพ. จะติดตามตรวจสอบและเฝ้าระวังเพื่อรายงานผลอย่างต่อเนื่องจนกว่าเหตุการณ์จะเข้าสู่สภาวะปกติ. 512 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

New Zealanders march towards Wellington to protest Indigenous treaty bill

ชาวเมารีเต้นฮากาประท้วงร่าง กม.นิวซีแลนด์

เวลลิงตัน 15 พ.ย.- ผู้คนในหลายเมืองทั่วนิวซีแลนด์เข้าร่วมการเดินขบวนมุ่งหน้าไปยังกรุงเวลลิงตัน เพื่อประท้วงร่างกฎหมายลิดรอนสิทธิของชนพื้นเมือง โดยมีการเต้นฮากาที่เป็นวัฒนธรรมของชาวเมารีในระหว่างการประท้วงด้วย รัฐสภานิวซีแลนด์ผ่านความเห็นชอบในเบื้องต้นเมื่อวานนี้ เรื่องการตีความใหม่สนธิสัญญาอายุ 184 ปี ที่มกุฎราชกุมารอังกฤษกับหัวหน้าชาวเมารีมากกว่า 500 คนลงนามในปี พ.ศ.2383 กำหนดเรื่องการปกครองนิวซีแลนด์ร่วมกัน ซึ่งเป็นแนวทางในการออกกฎหมายและนโยบายของประเทศมาจนถึงปัจจุบัน ความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เกิดการชุมนุมประท้วงตามเมืองต่าง ๆ ทั่วนิวซีแลนด์ โดยมีการจัดเดินขบวนเป็นเวลา 9 วันมุ่งไปยังกรุงเวลลิงตัน คาดว่าขบวนจะถึงเมืองหลวงในวันที่ 19 พฤศจิกายน ตำรวจแถลงวันนี้ว่า มีคนประมาณ 10,000 คน เข้าร่วมการเดินขบวนในเมืองโรโตรัว ห่างจากกรุงเวลลิงตันไปทางเหนือราว 450 กิโลเมตร ผู้ประท้วงแต่งกายในชุดชนพื้นเมือง มีการเต้นฮากาที่เป็นวัฒนธรรมของชาวเมารี โดยได้รับการต้อนรับจากคนจำนวนมากที่มาโบกธงเมารีและร่วมร้องเพลง.-814.-สำนักข่าวไทย

วัดอรุณฯ เนืองแน่น นักท่องเที่ยวแห่ร่วมงานลอยกระทง

นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติแน่นวัดอรุณฯ ร่วมงานประเพณีลอยกระทง 2567 “ลอยกระทง วิถีไทย ปลอดภัย ใส่ใจสิ่งแวดล้อม” มีน้องหมูเด้ง Thai Cuteness นำนักท่องเที่ยวแต่งชุดไทยสืบสานคุณค่าวัฒนธรรม นางสาวไทย(ดินสอสี) ชวนรำวงลอยกระทง 6 ภาษา ผลักดันเทศกาลไทยสู่ World Event หมุดหมายสำคัญของนักท่องเที่ยวทั่วโลก

“เจ๊พัช” ขอโทษรัฐมนตรีน้ำ ยืนยันไม่รู้จักส่วนตัว

“กฤษอนงค์” โพสต์ขออภัยรัฐมนตรีน้ำและคุณพ่อ ปมคลิปเสียงแอบอ้าง พร้อมขอน้อมรับผิดไว้แต่เพียงผู้เดียว แจงเป็นการสนทนาแนวทางส่งเสริมอาชีพเท่านั้น

“จิราพร” มอบทนายนำคลิปเข้าแจ้งจับนักร้องเรียนหญิงอ้างชื่อรีดทรัพย์

ทนายความ “รมต.” นำคลิปเข้าแจ้งจับนักร้องเรียนหญิง อ้างชื่อเรียกรับเงินกลุ่ม “ดิไอคอน” ยืนยันไม่เคยรู้จักกัน

ข่าวแนะนำ

ซูเปอร์มูน

ทั่วโลกแห่ชมซูเปอร์มูนครั้งสุดท้ายของปีนี้

เมื่อคืนที่ผ่านมาผู้คนทั่วโลกมีโอกาสได้ชมดวงจันทร์ที่เรียกว่าซูเปอร์มูนซึ่งเกิดขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายของปีนี้

หารือสีจิ้นผิง

นายกฯ หารือ “สี จิ้นผิง” ขยายความร่วมมือการค้า-ลงทุน

นายกรัฐมนตรี หารือ ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องขยายความร่วมมือด้านเศรษฐกิจการค้าการลงทุนระหว่างกันให้มากขึ้น พร้อมแลกเปลี่ยนการแก้ไขปัญหาความยากจนของประชาชนสองประเทศ พร้อมอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วจากปักกิ่งประดิษฐานท้องสนามหลวง