คพ. เผยเหตุพบกลุ่มควันสีเหลืองอ. ภาชี เกิดจากสารเคมีรั่วไหล

กรุงเทพฯ 19 เม.ย.- คพ. เฝ้าระวังโกดังลักลอบทิ้งสารเคมี อ. ภาชี ต่อเนื่อง หลังจากเกิดเหตุพบไอกลุ่มควันสีเหลือง คาดถังบรรจุสารเคมีวางทับซ้อนกันหลายชั้น เมื่อเกิดไอระเหยของสารเคมี ทำให้กัดกร่อนถังเหล็ก จนรั่วไหลและเกิดปฏิกิริยา เร่งประสานสำนักงานอุตสาหกรรมจังวหัดพระนครศรีอยุธยาเพื่อสนับสนุนการแก้ไขปัญหา


นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) กล่าวว่า ได้ประสานสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สำนักควบคุมโรคที่ 4 สระบุรี และหน่วยงานท้องถิ่นในพื้นที่เพื่อเตรียมความพร้อมสนับสนุนการแก้ไขปัญหาจากเหตุเกิดไอระเหยของสารเคมีซึ่งเห็นเป็นกลุ่มควันสีเหลือง โดยจะขอให้ร่วมให้ข้อเสนอแนะด้านวิชาการ ติดตามสถานการณ์และความก้าวหน้าการดำเนินการเป็นระยะ

สำหรับเหตุการณ์ที่โกดังเก็บสารเคมีของบริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) (BWG) อำเภอภาชี จังหวัดพระนครศรีอยุธยาซึ่งวานนี้ (18 เมษายน 2567) บริเวณโกดัง 4-5 พบไอกลุ่มควันสีเหลือง มีกลิ่นเหม็นมาก แต่ไม่มีเปลวไฟความร้อน สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 6 (นนทบุรี) เข้าติดตามสถานการณ์ โดยสันนิษฐานได้ว่า โกดังที่ 4 มีถังสารเคมีจำพวกกรด-ด่าง ทีอยู่ในถังเบาวส์ขนาด 1 ลูกบาศก์เมตรและถังน้ำมันดำและสารเคมีรวมที่บรรจุในถังเหล็กขนาด 200 ลิตรและถังขนาดเล็กจำนวนมาก วางปะปนซ้อนกันอยู่หลายชั้นโดยไม่มีการแบ่งแยกโซน โครงเหล็กที่พยุงถังพลาสติกเมื่อสัมผัสไอระเหยสารเคมีจะถูกกัดกร่อนผุผังจนไม่สามารถรับน้ำหนัก เกิดการยุบตัวของถัง ทำให้สารเคมีรั่วไหลออกมาผสมกับสารเคมีจากถังเหล็กที่ถูกกัดกร่อนจนทะลุ ประกอบกับอากาศที่ร้อนจัด ทำให้สารเคมีเกิดปฏิกิริยาได้โดยง่าย


เจ้าหน้าที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 6 (นนทบุรี) ให้ข้อเสนอแนะในการระงับเหตุเบื้องต้นได้แก่

1) หากเพลิงลุกไหม้ ให้หลีกเลี่ยงการใช้น้ำดับเพลิงโดยตรง ให้ใช้โฟม หรือถังดับเพลิงแบบเคมี หรือ CO2 แทน

2) ในพื้นที่โกดังที่ 4 ถ้าพบว่า มีกลิ่นไอระเหยสารเคมีในระดับที่รุนแรง ให้เจ้าหน้าที่ใส่หน้ากากกรองไอระเหยสารเคมีรวมแบบเต็มหน้า และสวมใส่ชุด PPE ขณะเข้าพื้นที่เพื่อระงับเหตุ


3) ให้ใช้ทรายหรือดิน กลบทับสารเคมีที่รั่วไหล เพื่อดูดซับหรือกักกันบริเวณที่รั่วไหลไว้ ไม่ให้กระจายตัวและลุกลามเป็นวงกว้าง และระมัดระวังในการเข้าพื้นที่ เนื่องจากมีถังสารเคมีวางชิดกันและซ้อนกันอยู่หลายชั้นทั่วทั้งพื้นที่โกดังที่ 4

หลังจาเหตุการณ์ได้ยุติช่วงบ่ายวานนี้ โดยกลุ่มไอระเหยสารเคมีได้ลดลง หน่วยงานท้องถิ่นได้ประสานเจ้าหน้าที่บริษัท เบตเตอร์ เวิลด์ กรีน จำกัด (มหาชน) (BWG) ให้เข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุ เพื่อหาแนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นมาซ้ำอีก

ส่วนกรณีเหตุการรั่วไหลของสารแอมโมเนียอย่างรุนแรง โดยมีรัศมีกว่า 1 กิโลเมตร พื้นที่ชุมชนรอบข้าง มีประชาชนเกิดอาการแสบคอ หายใจไม่ออก แสบตา และบาดเจ็บ 141 คน ผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศ บริเวณพื้นที่ชุมชนใต้ลม ค่าแอมโมเนีย 0 พีพีเอ็ม ภายในบริเวณโรงงาน สถานที่ผลิตน้ำแข็ง ค่าแอมโมเนีย 3 พีพีเอ็ม (ส่วนต่อล้าน) และใต้อาคารบริเวณพื้นที่เหตุรั่วไหล ค่าแอมโมเนีย 5 – 8 พีพีเอ็ม อยู่ในระดับที่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพ (ประกาศ คพ. เรื่องค่าขีดจำกัดการรับสัมผัสสารเคมีทางการหายใจแบบเฉียบพลัน แบ่งออกเป็น 3 ระดับ ระดับที่ 1 : 30 พีพีเอ็ม (ส่วนต่อล้าน) ระดับที่ 2: 160 พีพีเอ็ม และระดับ 3: 1,100 พีพีเอ็ม) สำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรีได้แจ้งให้โรงงานหยุดประกอบกิจการ และให้ซ่อมแซมระบบท่ออุปกรณ์ที่รั่วให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 20 พฤษภาคม 2567 คพ. ได้แนะนำให้ระบายอากาศในพื้นที่อับอากาศออกภายนอก และปิดกั้นน้ำที่จะระบายออกภายนอกซึ่งอาจมีแอมโมเนียผสมอยู่จำนวนมาก จะเป็นเหตุให้ปลาในแหล่งน้ำสาธารณะตาย

กรมควบคุมมลพิษแจ้งถึงข้อควรระวังในการใช้แอมโมเนีย (Ammonia) ในภาคอุตสาหกรรม โดยหากสัมผัสในความเข้มข้นสูงและเป็นเวลานาน จะเป็นอันตรายต่อร่างกาย

แอมโมเนีย (NH3) มีสถานะเป็นก๊าซที่อุณหภูมิและความดันปกติ ไม่มีสี มีกลิ่นฉุนรุนแรง มีความเป็นพิษสูง และมีฤทธิกัดกร่อน หากอยู่ภายใต้ความดันและอุณหภูมิต่ำ จะมีสถานะเป็นของเหลว สามารถละลายน้ำและระเหยได้ ติดไฟได้ มีฤทธิ์เป็นด่าง

ทั้งนี้มีการนำแอมโมเนียมาใช้ประโยชน์ทั้งภาคการเกษตรและอุตสาหกรรม โดยในภาคการเกษตร ใช้ผลิตปุ๋ยแอมโมเนียมไนเตรตและปุ๋ยยูเรีย ส่วนภาคอุตสาหกรรมใช้ผลิตกรดไนตริก (Nitric acid) ชุบแข็งและเคลือบผิวโลหะเพื่อเพิ่มความแข็ง ชุบชิ้นส่วนเครื่องจักรกล ผสมน้ำยาเข้มข้นเพื่อป้องกัน การแข็งตัวและฆ่าเชื้อแบคทีเรียบางชนิด ใช้ในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ รวมถึงอุตสาหกรรมห้องเย็น โรงน้ำแข็ง และห้องแช่แข็ง

แอมโมเนียถูกใช้เป็นสารทำความเย็นในโรงงานน้ำแข็งและห้องเย็น ในรูปของ Ammoniu anhydrous สาเหตุที่มีการใช้กันมากเนื่องจากราคาถูก ขนส่งและใช้งานง่าย ค่าใช้จ่ายในการจัดการถูกว่าสารทำความเย็นชนิดอื่น ไม่ทำลายโอโซนในชั้นบรรยากาศ และไม่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน

การรั่วไหลของแอมโมเนียเกิดจากความบกพร่องและชำรุดของอุปกรณ์เช่น รอยรั่วของท่อส่งก๊าซ วาล์ว หรือเกิดระหว่างการบำรุงรักษาระบบ เนื่องจากแอมโมเนียสามารถรวมตัวกับน้ำและความชื้น เกิดเป็น Ammonium hydroxide ซึ่งมีความเป็นด่างสูง สามารถกัดกร่อนระบบทำให้เกิดรอยรั่ว หรือจากการจัดเก็บภาชนะบรรจุแอมโมเนียไม่เหมาะสม ทำให้เกิดอุบัติเหตุที่ทำให้เกิดการรั่วไหล

สำหรับการจัดการเมื่อแอมโมเนียรั่วไหล ต้องกันบุคคลที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากบริเวณ เพื่อป้องกันอันตรายที่เกิดจากการสัมผัสแอมโมเนีย ใช้รถดับเพลิงฉีดน้ำเป็นฝอยเพื่อจับไอของแอมโมเนีย มีการตรวจวัดความเข้มข้นของแอมโมเนียทั้งบริเวณที่มีการรั่วไหลและบริเวณรอบข้าง ป้องกันไม่ให้แอมโมเนียในรูปของเหลวหรือน้ำเสียที่เกิดจากการระงับเหตุลงสู่แหล่งน้ำ และมีระบบในการจัดการน้ำเสียที่ปนเปื้อนแอมโมเนีย หลังจากนั้นต้องตรวจสอบระบบที่มีการรั่วไหลของแอมโมเนียเช่น สภาพของท่อส่งก๊าซและวาล์ว พร้อมทั้งแก้ไขและต้องจัดทำแผนการใช้งานและซ่อมบำรุงเครื่องจักร แผนระงับเหตุฉุกเฉิน ระบบการควบคุมและการบำบัดมลพิษ

ผลกระทบต่อสุขภาพจากแอมโมเนีย สามารถเกิดความเป็นพิษเฉียบพลันจากการสูดดมแอมโมเนียในความเข้มข้นสูง จะทำให้เกิดอาการตาพร่า กล้ามเนื้ออ่อนแรง การตอบสนองลดลงและไม่รู้สึกตัว เกิดความระคายเคืองต่อเยื่อบุทางเดินหายใจ การบวมของลิ้นไก่ กล่องเสียง และหลอดลม หายใจติดขัดแน่นหน้าอก และหมดสติ รวมถึงเกิดการระคายเคืองบริเวณดวงตา ตาพร่า และอาจสูญเสียการมองเห็น การสัมผัสแอมโมเนียในสถานะของเหลวโดยตรง ทำให้ผิวหนังถูกกัดจากความเย็น (frostbite injury)

ส่วนระดับความเข้มข้นของแอมโมเนีย (Parts per million: ppm) หรือส่วนต่อล้าน ที่มีผลกระทบต่อร่างกาย ตามระยะเวลาที่สัมผัสมีดังนี้

–               25 ppm คนส่วนใหญ่เริ่มได้กลิ่น ทนได้มากสุด 8 ชั่วโมง

คนส่วนใหญ่เริ่มได้กลิ่น

–               100 ppm ไม่ส่งผลกระทบร้ายแรงต่อร่างกาย ระคายเคืองเล็กน้อย โดยไม่อนุญาตให้สัมผัสเป็นเวลานาน

–               400 ppm ระคายเคืองจมูกและลำคอ ระยะเวลาที่สัมผัส 30 นาที – 1 ชั่วโมง

–               700 ppm ระคายเคืองตวงตา ระยะเวลาที่สัมผัส 30 นาที – 1 ชั่วโมง

–               1,700 ppm เกิดอาการชัก ระคายเคืองตา จมูกแ ละคออย่าง โดยอาจจะเสียชีวิต ถ้าได้รับเกิน 30 นาที

–               2,000 – 5,000 ppm ระคายเคืองคอ ปวดแสบที่ลำคออย่างรุนแรง อาจจะเสียชีวิตเกิน 15 นาที

–               5,000 – 10,000 ppm เกิดการชักกระตุกของกล้ามเนื้อและระบบหายใจ ทำให้ร่างกายขาดออกชิเจนอย่างรวดเร็ว อาจจะเสียชีวิตภายใน 2 -3 นาที

อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคลกรณีที่ทำงานในสถานที่ที่ใช้แอมโมเนียได้แก่

–               ชุดป้องกันสารเคมีหรือ PPE

–               หน้ากากป้องกันสารเคมี

–               แว่นตานิรภัย

–               ถุงมือป้องกันสารเคมี

–               ชุดป้องกันสารเคมี

–               เครื่องช่วยหายใจ

–               รองเท้าบูท

กรณีที่สัมผัสแอมโนเนีย มีแนวทางการบำบัดและลดพิษขั้นต้น โดยให้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยไปยังที่โล่ง ใช้ผ้าชุบน้ำปิดปากและจมูกระหว่างขนย้าย หากสัมผัสตา ล้างออกด้วยน้ำเปิดน้ำไหลผ่านตาอย่างน้อย 15 นาที ถอดเสื้อผ้าที่เปื้อนออก ถ้าเสื้อผ้าเย็นแข็งติดผิวหนังทำให้อ่อนตัวก่อนถอดออก และล้างร่างกายด้วยน้ำอุ่นอย่างน้อย 15 นาที หากสัมผัสผิวหนัง ล้างออกด้วยน้ำสบู่ ถ้าเกิดแผลใหญ่เนื่องจากความเย็น ห้ามถูหรือราดน้ำบริเวณนั้น แล้วให้รีบนำส่งแพทย์ทันที. -512 – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

car blocked hydrant delaying Thai temple fire control in New York

เปิดภาพรถจอดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิงในเหตุไฟไหม้วัดไทย

นิวยอร์ก 13 ก.พ. – หน่วยงานดับเพลิงในนครนิวยอร์กโพสต์ภาพรถยนต์ที่จอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิง เป็นเหตุให้เกิดความล่าช้าในการดับไฟไหม้วัดไทยในเขตบรองซ์ของนครนิวยอร์ก ที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าวานนี้ตามเวลาท้องถิ่น พร้อมกับเปิดเผยสาเหตุที่ทำให้เกิดไฟไหม้ นายโรเบิร์ต เอส. ทักเกอร์ ผู้อำนวยการสำนักงานดับเพลิงนิวยอร์กหรือเอฟดีเอ็นวาย (FDNY) โพสต์ในแพลตฟอร์มเอ็กซ์ (X) แสดงความเสียใจกับเหตุไฟไหม้ในเขตบรองซ์ และขอบคุณสภากาชาดและหน่วยงานฉุกเฉินที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมกับโพสต์ภาพรถยนต์ที่จอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิง โดยระบุว่า นับเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 วันที่เจ้าหน้าที่ดับเพลิงประสบปัญหาหัวจ่ายน้ำดับเพลิงถูกกีดขวาง และครั้งนี้เป็นหัวจ่ายน้ำดับเพลิงที่อยู่ตรงข้ามกับอาคารที่เกิดไฟไหม้ วินาทีที่มีค่าต้องสูญเปล่าเพราะยวดยานที่จอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิงอย่างผิดกฎหมาย เรื่องนี้เป็นยิ่งกว่าการทำผิดกฎหมาย เพราะเป็นเรื่องของความเป็นความตาย ด้านเอฟดีเอ็นวายโพสต์เอ็กซ์ว่า เหตุไฟไหม้วัดอุษาพุฒยาราม เมื่อราว 06.00 น. วานนี้ตามเวลาท้องถิ่น ทวีความรุนแรงจากการเตือนภัยระดับ 2 เป็นระดับ 3 เจ้าหน้าที่มากกว่า 40 หน่วย รวม 150 นาย พยายามควบคุมไฟที่ไหม้ 2 อาคาร แต่น่าเสียใจที่มีผู้เสียชีวิต 2 คน มีรถยนต์คันหนึ่งจอดกีดขวางหัวจ่ายน้ำดับเพลิงซึ่งอยู่ใกล้ที่เกิดเหตุที่สุด และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นหลายครั้งในช่วงไม่นานมานี้ เอฟดีเอ็นวายโพสต์ในเวลาต่อมาว่า เหตุไฟไหม้ดังกล่าวเป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากเครื่องทำความร้อนแบบพกพาสัมผัสกับวัสดุที่ติดไฟง่าย พร้อมกับย้ำว่า […]

ปลอดภัยแล้ว นร.ถูกเก๋งฝ่าไฟแดงพุ่งชนขณะข้ามทางม้าลาย

รถเก๋งฝ่าไฟแดงชนนักเรียนขณะข้ามทางม้าลายหน้าโรงเรียนดัง คนขับอ้างไม่ใช่คนพื้นที่ มัวมองดู GPS ส่วนน้องนักเรียนปลอดภัยแล้ว

ภูมิใจไทยวอล์กเอาต์

ประชุมร่วมรัฐสภา วุ่นตั้งแต่เริ่ม “ภท.” วอล์กเอาต์ยกพรรค

“ภูมิใจไทย” วอล์กเอาต์ยกพรรคตั้งแต่เริ่มถกแก้ รธน. “ไชยชนก” บอกขัดต่อคำวินิจฉัยศาล ด้าน “หมอเปรม” โร่เสนอญัตติด่วนขอให้ศาล รธน.ตีความก่อน ลั่น เป็นคนมีวุฒิภาวะ-ทำอะไรรอบคอบ บรรจงเขียนอย่างสุดยอดในชีวิต ทำ “ณัฐวุฒิ” โวยยังไม่เห็นเอกสาร สุดท้ายประธาน “วันนอร์” สั่งพักประชุม 15 นาที

ข่าวแนะนำ

มือฆ่า 3 ศพ ขอโทษในสิ่งที่ทำลงไป ยันไม่ได้ยิงเด็ก แต่ปืนลั่น

มือฆ่า 3 ศพ เปิดปากครั้งแรก ขอโทษในสิ่งที่ทำลงไป รู้ว่าไม่สมควร ยืนยันไม่ได้ยิงเด็ก แต่ปืนลั่นเพราะแม่เด็กยื้อแย่งปืน

จับแล้วหนุ่มใช้ค้อนทุบหัวเพื่อนรุ่นพี่เสียชีวิต

ตำรวจ สภ.พระนครศรีอยุธยา รวบตัว “นายก๊อง” ได้แล้ว หลังก่อเหตุใช้ค้อนทุบหัวเพื่อนรุ่นพี่จนเสียชีวิต เมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา

ตร.ออกหมายจับชายชาวจีน คดีสาวเอ็นฯ ดับปริศนา

ตำรวจออกหมายจับชายชาวจีน คดีสาวเอ็นฯ เสียชีวิตปริศนาในโรงแรม พบเข้าไทยถูกกฎหมาย ชุดสืบฯ เตรียมรวบตัวเร็วๆ นี้ หลังพบพิกัดยังอยู่ในพื้นที่ กทม. เบื้องต้นทราบว่าเจ้าตัวไม่พร้อมเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย

ผู้ช่วย รมต.จีน บินลงพื้นที่แม่สอด เตรียมรับคนจีนกลับประเทศ

นายหลิว จงอี ผู้ช่วยรัฐมนตรีจีน บินลงพื้นที่ อ.แม่สอด จ.ตาก เตรียมข้ามฝั่งพบ รมต.มหาดไทยของเมียนมา รับคนจีนกลับประเทศจีน