กรุงเทพฯ 14 เม.ย.- “พัชรวาท” สั่งปลัด ทส. ติดตามการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ภาคเหนือในช่วงสงกรานต์ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ – แม่ฮ่องสอน ย้ำกรมควบคุมมลพิษหาสาเหตุของจุดความร้อน พร้อมทั้งติดตามสถานการณ์หมอกควันข้ามแดน
พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตรวจติดตามสถานการณ์ฝุ่น PM2.5 และการดำเนินงานแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่ศูนย์สื่อสารการแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ (ศกพ.) โดย พล.ต.อ. พัชราวาทห่วงใยคุณภาพอากาศภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดแม่ฮ่องสอน
ทั้งนี้ สั่งการให้นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเดินทางไปภาคเหนือเพื่อติดตามการป้องกันและแก้ไขปัญหาฝุ่น PM2.5 ในช่วงสงกรานต์ โดยวันนี้ได้ประชุมผ่าน ZOOM ร่วมกับนายชูชีพ พงษ์ไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดแม่ฮ่องสอน นายทศพล เผื่อนอุดม รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่
นางสาวปรีญาพร สุวรรณเกษ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ รายงานสถานการณ์ฝุ่นละอองในวันนี้ที่จังหวัดเชียงใหม่ และจังหวัดแม่ฮ่องสอน พบว่าดีขึ้น จำนวนจุดความร้อนและพื้นที่เผาไหม้ลดลง แต่มีข้อกังวลเรื่องหมอกควันข้ามแดน โดยทั้ง 2 จังหวัดได้ดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลอย่างเข้มข้น โดยยกระดับการปฏิบัติการในระดับที่ 2 ตามมาตรการฉุกเฉิน ที่คณะกรรมการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืนเห็นชอบ ได้แก่ การประกาศเขตพื้นที่ประสบสาธารณภัย อัคคีภัย ไฟป่า การบูรณาการอากาศยาน งบประมาณ บุคลากร จากกระทรวง จังหวัด ท้องถิ่น ในการป้องกันไฟป่า ประกาศ Work from Home เข้มงวดตรวจวัดควันดำ ตรวจเข้มโรงงานอุตสาหกรรม จัดทีมแพทย์ดูแลกลุ่มเปราะบางและกลุ่มเสี่ยง แจกจ่ายหน้ากากอนามัย พร้อมทั้งจัดทำห้องปลอดฝุ่นและพื้นที่ Safe Zone
แต่การคาดการณ์สถานการณ์ฝุ่น PM2.5 ในระยะ 7 วันข้างหน้า ระหว่างวันที่ 15 – 21 เมษายน 2567 พบว่า 17 จังหวัดภาคเหนือมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นวันที่ 15 -18 เมษายน 2567 และยังคงต้องเฝ้าระวังในบางพื้นที่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นวันที่ 15 – 21 เมษายน 2567 และยังคงต้องเฝ้าระวังในบางพื้นที่ ส่วนพื้นที่ กทม. และปริมณฑล มีแนวโน้มลดลงวันที่ 15 -18 เมษายน 2567 และยังคงต้องเฝ้าระวังในบางพื้นที่ ขณะที่ภาคตะวันออกดีอย่างต่อเนื่อง
พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า แม้จำนวนจุดความร้อนใน 17 จังหวัดภาคเหนือลดลง แต่ยังไม่บรรลุตามเป้าหมาย จึงขอให้จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดแม่ฮ่องสอน ตรวจสอบเพิ่มเติมเพื่อหาสาเหตุของจุดความร้อนที่ยังคงมีอยู่และเร่งแก้ไขปัญหา ตลอดจนขอให้ทุกหน่วยงานภายใต้การกำกับของท่านผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งสองจังหวัด ร่วมกันปฏิบัติหน้าที่แก้ไขปัญหาไฟป่าและหมอกควันอย่างเต็มกำลังต่อไป และได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ปฏิบัติงานในพื้นที่
ส่วนปัญหาหมอกควันข้ามแดนนั้น ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมได้หารือกับผู้แทนประเทศกัมพูชา เพื่อประสานความร่วมมือแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนที่เกิดขึ้นในช่วงเดือนธันวาคม-เมษายนของทุกปี โดยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ต้องการประสานงานกับกัมพูชาอย่างใกล้ชิด เพื่อร่วมกันป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดน ด้วยตระหนักถึงการดูแลและลดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทั้งสองประเทศ
ในการหารือได้ตกลงที่จะประสานงานผ่าน Hotline ระหว่างสองประเทศ เป็น 2 ระดับได้แก่ ระดับกระทรวงและระดับกรม รวมถึงการเข้าร่วมแผนปฏิบัติการร่วมภายใต้ยุทธศาสตร์ฟ้าใสของกัมพูชา และการจัดทำบันทึกข้อตกลง (MOU) ความร่วมมือด้านสิ่งแวดล้อมด้านอื่นเพิ่มเติมระหว่างไทย – กัมพูชา นอกจากนี้ยังกำหนดการจัดฝึกอบรมเรื่องการจัดการคุณภาพอากาศให้แก่เจ้าหน้าที่กัมพูชาในช่วงปลายเดือนเมษายนที่ประเทศไทย โดยจะจัดการประชุมคณะทำงานในการป้องกันและแก้ไขปัญหาหมอกควันข้ามแดนระหว่างไทย-กัมพูชาในคราวเดียวกัน
สำหรับความร่วมมือกับกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวในการลดจุดความร้อนและหมอกควันข้ามแดนนั้น เมื่อต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษได้เป็นประธานการประชุมโครงการความร่วมมือเพื่อลดจุดความร้อนและหมอกควันข้ามแดน ระหว่างไทย-ลาว (Kick off Workshop Thai-Lao PDR Cooperation: Hotspot and Transboundary Haze Pollution Reduction) ณ นครหลวงเวียงจันทน์
ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ส่งคณะผู้เชี่ยวชาญจากกรมควบคุมมลพิษ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ และสถาบันวิจัยและพัฒนาพื้นที่สูง มาถ่ายทอดองค์ความรู้และแลกเปลี่ยนประสบการณ์ ให้แก่หน่วยงานภาครัฐจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงกสิกรรมและป่าไม้ กระทรวงต่างประเทศ รวมทั้งเจ้าเมืองและเจ้าหน้าที่เมืองห้วยทราย ต้นผึ้ง และปากทา แขวงบ่อแก้ว และไชยบุรี สปป ลาว จำนวนมากกว่า 70 คน ในการจัดทำมาตรการและนโยบายการแก้ไขปัญหาแบบกำหนดเป้าหมาย มุ่งเป้าให้เกิดผลในพื้นที่ที่มีการเผาไหม้ซ้ำซากทั้งในพื้นที่ป่า พื้นที่เกษตร และมลพิษอากาศที่เกิดจากกิจกรรมในพื้นที่เมือง รวมถึงการเน้นเรื่องการสื่อสารสาธารณะ ที่ต้องทันสมัย ต่อเนื่อง รวดเร็ว ทันต่อสถานการณ์ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยหวังให้ความร่วมมือระหว่างกัน จะเป็นการป้องกันสาเหตุการเผาในที่โล่งจากเศษวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรจากต้นน้ำ เพื่อไม่ให้เกิดหมอกควันข้ามแดน และลดปัญหาฝุ่นละอองทั้งในประเทศไทยและ สปป ลาว อย่างยั่งยืน
ดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ในจังหวัดแม่ฮ่องสอนในช่วงบ่ายวันนี้ สูงถึง 161 สหรัฐ AQI สารมลพิษหลักคือ ฝุ่น PM2.5 ซึ่งมีความเข้มข้น 14.9 เท่าของค่าแนวทางคุณภาพอากาศประจำปีขององค์การอนามัยโลก
ดัชนีคุณภาพอากาศ (AQI) ในจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงบ่ายวันนี้ สูงถึง 158 สหรัฐ AQI สารมลพิษหลักคือ ฝุ่น PM2.5 ซึ่งมีความเข้มข้น 13.7 เท่าของค่าแนวทางคุณภาพอากาศประจำปีขององค์การอนามัยโลก
เว็บไซต์ iqair.com จัดอันดับเมืองใหญ่ที่มีมลพิษมากที่สุด โดยในเวลา 14.47 น. วันนี้ จังหวัดเชียงใหม่เป็นอันดับ 3 ของเมืองใหญ่ที่มีมลพิษมากที่สุด รองจากอันดับ 1 เมืองเดลีของอินเดียและอันดับ 2 เมืองธากาของบังกลาเทศ.- 512 – สำนักข่าวไทย