รัฐสภา 26 มี.ค. – วุฒิสภามีมติเอกฉันท์เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ปี 67 ด้านรัฐบาลยืนยันงบฯ จะถูกนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์และแผนงานที่กำหนดอย่างโปร่งใสและเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน
การประชุมวุฒิสภา ซึ่งมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภาทำหน้าที่ประธานการประชุม ได้พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 วงเงินงบประมาณ 3,480,000 ล้านบาท ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบแล้ว โดยพิจารณาพร้อมรายงานของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 ของวุฒิสภา ที่ได้มีการศึกษาคู่ขนานกับสภาผู้แทนราษฎร
นพ.อำพล จินดาวัฒนะ สมาชิกวุฒิสภา ทักท้วงการจัดสรรงบประมาณในส่วนของกำลังพลภาครัฐ ซึ่งมีทั้งข้าราชการและพนักงานส่วนท้องถิ่นยังไม่ครอบคลุมเท่าที่ควร ยังมีบุคลากรของรัฐบางประเภทไม่ได้ถูกกำหนดอัตราเงินเดือนหรือค่าจ้างไว้ในมาตรา 38 ดังนั้น เมื่อวิเคราะห์ภาพรวมงบประมาณอาจจะไม่ทราบถึงค่าใช้จ่ายของบุคลากรภาครัฐทั้งระบบ โดยเฉพาะในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น หรือ อปท. ที่สามารถใช้จ่ายงบประมาณ เพื่อจ้างบุคลากรจากงบประมาณของหน่วยงานตนเองได้ โดยไม่ใช้งบประมาณแผ่นดิน จึงตั้งข้อสังเกตไปยังสำนักงบประมาณ ต่อการจัดทำงบประมาณในปีถัดไป ต้องวิเคราะห์ค่าใช้จ่ายบุคลากรภาครัฐและนำเสนอรายงานข้อเท็จจริงอย่างรอบด้าน และขอให้รัฐบาลเร่งกำหนดยุทธศาสตร์การลดขนาดของกำลังพลภาครัฐ พร้อมกับนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในการบริหารราชการแผ่นดิน และเร่งกระจายอำนาจไปยัง อปท.โดยด่วน
ขณะที่นายตวง อันทะไชย สมาชิกวุฒิสภา ท้วงติงงบประมาณของกระทรวงกลาโหม วงเงิน 39,000 ล้านบาท เพราะยังมีการจัดสรรงบประมาณแบบเดิม ขณะที่โลกเปลี่ยนไปอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไอรอนโดมระบบป้องกันขีปนาวุธ สงครามโลกในอนาคต หรือแม้กระทั่งแนวทางการป้องกันการเกิดสงครามนิวเคลียร์ แต่กระทรวงกลาโหมยังคงจัดสรรงบเช่นเดิม ยังคงมีเพียงเรื่องการเกณฑ์ทหาร การจัดสวัสดิการ การจัดซื้อเรือดำน้ำเท่านั้น ส่วนงบประมาณของกระทรวงศึกษาธิการ วงเงิน 300,000 ล้านบาท ยังคงเป็นรูปแบบในการจัดการศึกษาที่มี 3 แผนงาน 5 แผนงานเหมือนเดิม แต่โลกของการศึกษาในยุคปัจจุบันไม่จำเป็นต้องสร้างอาคารเรียนใหม่ หรือห้องเรียนใหม่แล้ว แต่ห้องเรียนในโลกยุคใหม่ต้องเป็นแบบ Metaverse Classroom หรือ ห้องเรียนออนไลน์แห่งโลกเสมือนจริง กระทรวงฯ ต้องทุ่มเทสร้างห้องเรียนแบบนี้ขึ้นมารองรับ ควรจัดสรรให้เหมาะสมกับโลกยุคใหม่ เพราะการจัดสรรงบประมาณแบบเดิมจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงประเทศให้เท่าทันต่อโลกได้อีกต่อไป
นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ สมาชิกวุฒิสภา เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลจัดงบประมาณเพื่อก่อสร้างฝายชะลอน้ำแกนดินซีเมนต์ เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภค บริโภค และน้ำเพื่อการเกษตรให้กับประชาชน โดยโครงการนี้ เป็นโครงการที่คณะวิศวกรรมศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยขอนแก่น และ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มีการทำวิจัยร่วมกัน ซึ่งเป็นฝายที่มีมาตรฐานแข็งแรงสามารถเก็บกักน้ำได้เต็มประสิทธิภาพ และไม่เป็นการกีดขวางทางน้ำอย่างแน่น กรณีที่กล่าวหาโครงการนี้ไม่เป็นไปตามหลักวิชาการ ถือเป็นข้อมูลเท็จ
“การกล่าวหาว่าไม่ได้รับการรับรองจากสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ก็ไม่เป็นความจริง ความจริงไม่ต้องขอใบรับจากหน่วยงานนี้ แต่หากต้องขอต้องขออนุญาตที่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช กรมป่าไม่ หรือกรมเจ้าท่า แต่ส่วนใหญ่ไม่ต้องขออนุญาตเพราะเป็นการก่อสร้างในลำน้ำขนาดเล็ก พร้อมกันนี้ยังยืนยันว่า โครงการนี้มีความคุ้มค่าและสามารถสร้างงานสร้างรายได้ให้กับประชาชนอย่างแน่นอน” นายสังศิต กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังจากมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวางที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบแล้ว ด้วยคะแนนเสียง 186 เสียง ไม่เห็นด้วย ไม่มี งดออกเสียง 2 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง ไม่มี พร้อมเห็นด้วยกับข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการ ฯ จากนั้นจะส่งไปให้คณะรัฐมนตรี เพื่อพิจารณาดำเนินการต่อไป
จากนั้นนายอนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนนายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณสมาชิกวุฒิสภาที่ได้พิจารณาให้ความเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี พ.ศ.2567 ซึ่งถือว่าเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะใช้ในการขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติและแผนพัฒนาต่างๆ เพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อนและยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจสังคม และคุณภาพชีวิตของประชาชนควบคู่กับการรักษาสภาพแวดล้อมเพื่อให้ประเทศก้าวไปข้างหน้าตามนโยบายของรัฐบาล ในการสร้างรายได้ ลดรายจ่าย สร้างโอกาส ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับประชาชน
“สำหรับข้อคิดเห็น ข้อห่วงใยของสมาชิกวุฒิสภาที่ได้เสนอแนะไว้ รัฐบาลจะนำไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงการดำเนินงานของหน่วยรับงบประมาณ เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุดจากการใช้เงินงบประมาณ ขอขอบคุณคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ที่ได้ให้ความสำคัญและเสียสละเวลา และความร่วมมือในการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายฉบับนี้อย่างเต็มที่ จนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี รวมทั้งข้อสังเกตของคณะกรรมาธิการวิสามัญฯ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดินโดยรัฐบาลจะนำไปประกอบการพิจารณากำหนดแนวทางการจัดทำงบประมาณเพื่อให้การจัดสรรงบประมาณมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าว
นายอนุทิน กล่าวว่า ให้ความมั่นใจว่านโยบายมาตรการและงบประมาณที่ได้ผ่านการพิจารณาในครั้งนี้จะถูกนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์และแผนงานที่กำหนดโดยรัฐบาลจะกำกับดูแลเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวมีความโปร่งใสและบรรลุผลสำเร็จตามนโยบายที่ได้กำหนดไว้ รวมทั้งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดตามความมุ่งหวังของทุกคน และขอให้ประชาชนและสมาชิกวุฒิสภาได้ให้การสนับสนุนรัฐบาลชุดนี้ต่อไป.-312.-สำนักข่าวไทย