“ประเสริฐ” แจงเล็งปรับปรุงกฎหมายยึดทรัพย์มิจฉาชีพ

รัฐสภา 23 ก.ย.- “ประเสริฐ” แจง เตรียมปรับปรุงกฎหมายยึดทรัพย์มิจฉาชีพ หลังใช้มา 5 ปี เผย 3 ต.ค.เริ่มระบบ ผู้ขายของออนไลน์จะได้รับเงินต่อเมื่อผู้ซื้อได้ดูสินค้าแล้ว พร้อมชะลอการจ่ายเงินเป็นระยะเวลา 5 วัน เตรียมหารือธนาคารควบคุมลิ้งก์ดูดเงิน


การประชุมวุฒิสภา มีนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถาม นายกรัฐมนตรี เรื่องการฉ้อโกงออนไลน์ ของนาวาตรีวุฒิพงศ์ พงศ์สุวรรณ สว. ถามว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งในโลกออนไลน์และปกติมีการหลอกขายของล่าสุดมีการขายทองออนไลน์ เมื่อเอาไปขายร้านทองก็ไม่รับ ถือเป็นการฉ้อโกงในรูปแบบหลอกให้เชื่อหรือหลอกขายของ มูลค่าการซื้อขายของออนไลน์แต่ละปีเป็นจำนวนนับแสนล้านบาท เมื่อเกิดเหตุการณ์หลอกขายของเกิดขึ้นจะทำให้เกิดความไม่มั่นคงทางเศรษฐกิจ ซึ่งเรื่องฉ้อโกงออนไลน์หมีเห็นทั่วไปเพราะมีการหลอกลวงกันเป็นจำนวนมาก ทุกวันนี้ถ้าใครไม่ได้รับโทรศัพท์จากแก๊งก์คอลเซ็นเตอร์ถือว่าไม่รับโทรศัพท์เลยหรือไม่ทำทุรกรรมใดๆ บางคนทำธุรกรรมกับธนาคารไม่ถึงชั่วโมงก็มีคนโทรไปแล้ว ซึ่งตนยังโดนเลย และคิดว่าทุกคนที่อยู่ในห้องนี้ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์อันเจ็บปวดกับแก๊งมิจฉาชีพเหล่านี้ หลายคนถูกล่อหลวงให้กดลิ้งก์ เมื่อเร็วๆเร็วๆนี้เป็นของกรมบัญชีกลาง ซึ่งเมื่อช่วงเช้านี้ เจ้าหน้าที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ที่ดูแลเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคล บุกจับเจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลาง ที่เอาข้อมูลไปขาย

“ทุกวันนี้มีการแอบอ้างทั่วไปหมด แต่ที่แย่คือการจับกุมผู้ที่ดำเนินการไปล่อลวงคนอื่นไม่ค่อยมีข่าว ยิ่งทำให้คนที่บางครั้งเป็นคนดี ก็อยากมาเป็นคนไม่ดีเหมือนกันเพราะไม่เคยเห็นคนไม่ดีโดนลงโทษ รัฐมนตรีอาจจะบอกว่าคนที่เป็นมิจฉาชีพอยู่ต่างประเทศ มีการต่อสายสัญญาณไปประเทศเพื่อนบ้าน แต่คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นคนไทย บางทีเขาอาจจะทำในประเทศไทยด้วยซ้ำไป ซึ่งคดีเหล่านี้ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้รับการพิจารณา หากเป็นอย่างนี้ต่อไปเรื่อยๆ คดีก็จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ดังนั้นจะทำอย่างไรเพื่อให้การดำเนินคดีเร็วขึ้น จึงอยากให้ทีมงานของกระทรวง ดีอีเอส ปรับกระบวนการแก้ปัญหาให้รวดเร็วขึ้น ทันต่อความต้องการของประชาชนและทันต่อยุคสมัย ยิ่งใกล้การเกษียณอายุอาจทำให้ผู้ที่เกษียณอายุถูกหลอกมากยิ่งขึ้น” นาวาตรีวุฒิพงศ์ กล่าว


นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ชี้แจงแทนนายกฯ ว่า ผลของการดำเนินการในรอบปีที่ผ่านมาคดีต่างๆของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มาในรูปแบบต่างๆ ประเภทคดีสูงสุด 5 ประเภท ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ หลักๆ มีประมาณ 5-6 เรื่อง คือ 1. หลอกลวงซื้อขายสินค้าหรือบริการคิดเป็น 29.73% คือการซื้อสินค้าไม่ตรงปก ซึ่งขณะนี้กระทรวงดีอีเอส ทำงานร่วมกับ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค และได้ออกมาตรการ COD ขึ้นมา นับตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค. 67 เรื่องการซื้อขายสินค้าออนไลน์ ผู้ขายจะได้รับเงินต่อเมื่อผู้ซื้อได้ดูสินค้าเป็นที่เรียบร้อยแล้วและมีการชะลอการจ่ายเงินเป็นระยะเวลา 5 วัน เพราะฉะนั้น ว่ามาตรการนี้จะสามารถช่วยแก้ไขปัญหาเรื่องการหลอกลวงได้ในระดับที่มีนัยยะ เนื่องจากคดีนี้สูงสุด แต่มีความเสียหายไม่มากนัก 2.การหลอกลวงหารายได้พิเศษคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 24.44% 3. การหลอกลวงการลงทุนทางระบบคอมพิวเตอร์ คิดเป็น 16% แต่มูลค่าความเสียหายจำนวนมาก รวมถึงการหลอกลวงที่เรียกว่าโรแมนซ์สแกม คือหลอกให้หลงรักก่อนแล้วชวนให้ลงทุนต่อ 4. การหลอกลวงโอนเงินเพื่อให้รับรางวัล 7% 5.หลอกให้กู้เงิน 7 % และ 6.คดีอื่นๆ 14%

“ยอมรับว่าคดีมีอยู่ 5 แสนกว่าเรื่อง ขณะนี้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(สตช.) รับดำเนินคดีได้ประมาณ 6 หมื่นเรื่อง ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ โดยผมจะรับข้อเสนอนี้ไปทำการปรับปรุงการดำเนินการเพื่อที่จะทำอย่างไรให้คดีมีความคืบหน้าและประชาชนสามารถติดตามสถานะของบัญชีได้ว่าขณะนี้เรื่องที่ร้องไป สตช. สถานะคดีเป็นอย่างไร ซึ่งในเรื่องนี้ทางกระทรวงฯ ได้จัดตั้งศูนย์เอโอซี 1441 เป็นศูนย์ที่บริการพี่น้องประชาชนตลอด 24 ชั่วโมงทุกวันพี่น้องประชาชนที่รับความเดือดร้อนเรื่องการถูกหลอกลวงสามารถติดตามสถานะของท่านได้ที่ 1141 เราก็จะติดตามให้” นายประเสริฐ กล่าว

ส่วนเรื่องการต่อสายสัญญาณไปประเทศเพื่อนบ้านนั้น นายประเสริฐกล่าวว่า จริงๆเราได้ทำการปราบปรามอย่างหนักพอสมควรขณะนี้ตนได้ออกตรวจตามพื้นที่ในเขตชายแดนหลายแห่งและกำจัด แต่มิจฉาชีพก็มีความพยายาม ต่อสัญญาณเข้าไปเรื่อยๆเรื่องนี้ได้ประสานงานกับกระทรวงกลาโหม กสทช. สตช. สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) และกมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ในการดำเนินการอยู่ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มิจฉาชีพเริ่มใช้เทคโนโลยีใหม่ใหม่ขึ้นมาโดยเฉพาะการใช้สัญญาณดาวเทียมที่เกิดจากดาวเทียมโคจรในระยะต่ำ ที่มีจานรับสัญญาณโดยตรงซึ่งผิดกฎหมายในประเทศไทยในเรื่องนี้เป็นเรื่องที่กสทช.จะได้ดำเนินการแก้ไขต่อไป


นายประเสริฐกล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องการปรับปรุงกฎหมายขณะนี้มีกฎหมายหลายฉบับที่มีอายุครบ 5 ปีและมีความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงกฎหมายให้เกิดขึ้นโดยเฉพาะเรื่องการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ มาตรฐานความปลอดภัยด้านไซเบอร์และโทษต่างๆ ตนคิดว่าถึงเวลาแล้วที่จะต้องมีการปรับปรุง ซึ่งได้มีการพูดคุย กับปปง.ในเรื่องการเพิ่มมูลฐานความผิด การกระทำความผิดที่เกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน เกี่ยวกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ต่อไปจะเป็นมูลฐานความผิดหนึ่ง ที่ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งหมายถึงการนำไปสู่การที่เราสามารถที่จะยึดทรัพย์กลุ่มมิจฉาชีพต่างๆ ได้

“ส่วนกรณีลิ้งก์ที่มากับเอสเอ็มเอสนั้น เมื่อวันที่ 20 ก.ย. มาหลังจากที่นายกฯ ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาที่มีข้อความตอนหนึ่ง ว่า ในส่วนที่ประชาชนเกิดความเสียหาย ให้บริษัทโทรคมนาคม และธนาคารพาณิชย์ในอนาคตต้องมีความร่วมมือในการรับผิดชอบในความเสียหายที่เกิดขึ้นเพราะฉะนั้นในเรื่องนี้ตนได้สั่งการให้ที่ประชุมศูนย์ป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางไซเบอร์ได้ร่างข้อกำหนด และระเบียบที่เกี่ยวข้องทั้งหมดและเชิญธนาคารโอเปอเรเตอร์มาซึ่งสิ่งที่แนบมากับเอสเอ็มเอสนั้น ต่อไปจะต้องมีการควบคุมเพราะแอปดูดเงินหรือลิ้งก์ต่างๆ ที่มากับเอสเอ็มเอสนั้นมีเป็นจำนวนมากและเป็นเรื่องที่ทางกระทรวงดีอีเอสจะต้องทำงานร่วมกับโอเปอเรเตอร์ และธนาคารแห่งประเทศไทยในการปราบปรามต่อไป” นายประเสริฐ กล่าว .319.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

กระดูกเทียมไทเทเนียม นวัตกรรมไทยช่วยทหารกล้าชายแดน

กรุงเทพฯ 16 ส.ค.-สินค้า IP ไทยสุดเลิศ ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ต่อยอดส่งออกสร้างรายได้ให้กับประเทศไทยในระยะยาว นายจตุพร บุรุษพัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า กรมทรัพย์สินทางปัญญา ร่วมกับบริษัท เมติคูลี่ จำกัด ผู้ผลิตกระดูกเทียมและอุปกรณ์ช่วยผู้ป่วยผ่าตัด ช่วยเหลือทหารแนวหน้าที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา จำนวน 4 ราย ซึ่งรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี และโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าตามลำดับ เพื่อให้ทหารกล้าของไทยฟื้นฟูสภาพร่างกายให้กลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยเร็ว “ความร่วมมือครั้งนี้ เริ่มจากกระทรวงพาณิชย์ลงพื้นที่จังหวัดอุบลราชธานีเยี่ยมผู้ประสบภัย ชายแดนไทย–กัมพูชา เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2568 จากนั้นได้ประสานกับ เมติคูลี่ ซึ่งได้รับเลือกจากกรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์ ให้เป็น IP Champion ในสาขาสิทธิบัตรการประดิษฐ์ประจำปีนี้ มอบแผ่นปิดกะโหลกเทียมไทเทเนียมออกแบบเฉพาะบุคคล และกระดูก มือเทียมไทเทเนียมเฉพาะบุคคลให้ทางโรงพยาบาลเพื่อให้นายทหารที่ผ่านการผ่าตัดเปิดกะโหลกศีรษะ 3 ราย และผ่าตัดข้อมือ 1 ราย ได้รับการรักษาที่มีความแม่นยำสูง ด้วยการออกแบบกระดูกที่มีขนาดจำเพาะกับสรีระผู้ป่วย ทำให้ผู้ป่วยฟื้นฟูร่างกายได้ดีขึ้น และสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยกระทรวงฯ ได้รับความร่วมมืออย่างดีจากกองบัญชาการกองทัพภาคที่ 2” […]

“นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก

กทม.16 ส.ค.-“ภูมิธรรม” เผย “นราธิวาส” จับยาไอซ์ลอตใหญ่ 900 กก. ซุกรถขนผัก สั่งการเร่งขยายผลต่อเนื่อง พร้อมให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากว่าที่ร้อยตรี ตระกูล โทธรรม ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ว่าจากการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ที่มุ่งปราบปรามยาเสพติดอย่างเด็ดขาด ในวันนี้ทางจังหวัดนราธิวาสร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ได้มีการแกะรอย และตรวจค้นรถกระบะที่มีการลักลอบขนส่งยาเสพติด บริเวณอำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส สามารถตรวจจับยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (ไอซ์) ซุกซ่อนอยู่ในรถกระบะขนผัก จำนวน 30 กระสอบ น้ำหนักรวมประมาณ 900 กิโลกรัม และได้ทำการควบคุมตัวตัวผู้ต้องหาไว้ได้แล้ว นายภูมิธรรม กล่าวอีกว่า ตนได้มอบหมายให้ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม และนายเดชอิศม์ ขาวทอง รมช.มหาดไทย ลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส เพื่อติดตามการดำเนินงานและร่วมแถลงผลการจับกุมในวันที่ 16 ส.ค.นอกจากนี้ยังได้ให้กำลังใจผ่านผู้ว่าราชการจังหวัด ไปยังเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกท่านที่ทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ตั้งใจ จนสามารถจับกุมกรณีการลักลอบขนส่งยาเสพติดล็อตใหญ่นี้ได้ และได้ให้ติดตามเพื่อขยายผลการจับกุมต่อไป.-319.-สำนักข่าวไทย

รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียน-ปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียน รับเงินช่วยเหลือ

ทำเนียบฯ 16 ส.ค. – รัฐบาลย้ำเกษตรกรเร่งขึ้นทะเบียนและปรับปรุงข้อมูลทางทะเบียนปีการผลิต 2568/69 พร้อมรอรับเงินช่วยเหลือตามนโยบายรัฐบาล นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เห็นชอบโครงการพัฒนาศักยภาพการผลิตข้าวของเกษตรกรปลูกข้าวปีการผลิต 2568/69 และนาปรังปีการผลิต 2568 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือชาวนา ไร่ละ 1,000 บาท ไม่เกิน 10 ไร่ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนจากปัญหาต้นทุนการผลิตสูงและราคาข้าวที่ตกต่ำ ซึ่งเกษตรกรที่ทำนาปรังและนาปี จะได้รับเงินหลังจากลงทะเบียนและตรวจสอบสิทธิแล้วเสร็จ ทั้งนี้ คาดว่าจะเกษตรกรที่ทำนาปรังจะได้รับเงินเร็วที่สุดภายในเดือนกันยายน 2568 ส่วนเกษตรกรที่ทำนาปี จะได้รับในช่วงปลายปีนี้ หรือต้นปีงบประมาณ 2569 รัฐบาลโดยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ขอเชิญชวนเกษตรกรทั่วประเทศ เร่งดำเนินการขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ประจำปีการผลิต 2568/69 โดยเกษตรกรสามารถขึ้นทะเบียนเกษตรกรผ่านช่องทางการบริการของรัฐโดยไม่มีค่าใช้จ่ายดังนี้ วิธีที่ 1 แจ้งกับเจ้าหน้าที่ สำหรับเกษตรกรรายเดิม แปลงเดิม สามารถแจ้งข้อมูลได้ที่สำนักงานเกษตรอำเภอทุกแห่ง หรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มีความพร้อม และร่วมเป็นหน่วยสนับสนุนที่เกษตรกรมีพื้นที่การเกษตรอยู่ รวมถึงแจ้งข้อมูลผ่านผู้นำชุมชนหรือตัวแทนอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ส่วน เกษตรกรรายใหม่ และรายเดิม แต่เพิ่มแปลงใหม่ […]

“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท

รัฐสภา 15 ส.ค.-“วีระ” เตือน รัฐบาลควรเลิกนโยบายกึ่งการคลัง ผ่านสถาบันการเงินเฉพาะกิจ หลังแบกหนี้ 1 ล้านล้านบาท ตั้งคำถามหลายรัฐวิสาหกิจมีผลกำไรดี จะมาตั้งของบอีกทำไม นายวีระ ธีระภัทรานนท์ ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ในเรื่องของรัฐวิสาหกิจ ว่า ในเอกสารงบประมาณที่เป็นงบประมาณรายจ่าย มาตรา 29 มีรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งของบประมาณรวมกันทั้งสิ้น 79,298 ล้านบาท แต่ค่าใช้จ่ายของรัฐวิสาหกิจทั้งหมด 1.43 แสนล้านบาท ซึ่งในรัฐวิสาหกิจ 21 แห่งที่ของบประมาณมาตนไม่ค่อยติดใจ เพราะมีรัฐวิสาหกิจจำนวนหนึ่งไม่มีรายได้ อีกส่วนเป็นรัฐวิสาหกิจมีรายจ่ายมากกว่ารายได้ บางรัฐวิสาหกิจมีหนี้สินจำนวนมาก เช่น ขสมก. การรถไฟแห่งประเทศไทย นายวีระ ฝากไปถึงคนที่ต้องจัดการรัฐวิสาหกิจว่า รัฐวิสาหกิจที่มีปัญหารัฐบาลต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดว่า รัฐวิสาหกิจเหล่านั้นคงอยู่ต่อไปในสภาพแบบนั้น หรือ จะดำเนินการแปรรูปให้เอกชนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ เพื่อไม่ให้เกิดภาระการคลังในอนาคตอย่างที่เป็นอยู่ปัจจุบัน สำหรับกรณี บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ซึ่งประสบความสำเร็จในการฟื้นฟูกิจการ โดยที่รัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่อยู่ประมาณ 40% แต่ไม่มีสถานะภาพเป็นรัฐวิสาหกิจอีกต่อไป […]

ข่าวแนะนำ

“ไมเคิล” ตอบรับคำเชิญ “จิรายุ” จ่อข้ามมาไทยพิสูจน์ข้อเท็จจริง

17 ส.ค.- “ไมเคิล อัลฟาโร” ล็อบบี้ยิสต์อเมริกัน โพสต์ตอบรับคำเชิญ “จิรายุ” เตรียมข้ามฝั่งมาไทย อ้างค้นหาความจริงปมขัดแย้งชายแดน จ่อทำรายงานส่งถึง “ทรัมป์” ช่วงเช้าที่ผ่านมา เพจ “ไทยคู่ฟ้า” โพสต์สรุปสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า “เที่ยงคืนถึงเช้านี้ พื้นที่ 7 จังหวัดประเทศไทย สถานการณ์ปกติ ไทยยังตรึงกำลังเพื่อรักษาอธิปไตยอย่างต่อเนื่อง” โดยนายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทก.) เปิดเผยว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้ง 7 จังหวัด เหตุการณ์ปกติ กองทัพไทยยังคงวางกำลังตามแนวที่มั่นทั้ง 11 พื้นที่ และวางรั้วลวดหนามอย่างต่อเนื่อง เพื่อรักษาอธิปไตยของไทยไม่ให้ใครล่วงล้ำเข้ามา แม้ในขณะนี้ กัมพูชายังคงมีความพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง ในรูปแบบต่างๆ เช่น การสร้างข่าวปลอม จ้างอินฟูลฯ การจัดฉาก สร้างสถานการณ์ใส่ร้ายประเทศไทย การจ้างวานบุคคลสมมติ จึงขอฝากความห่วงใยไปถึงประชาชนและสื่อมวลชนที่ติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ให้ใช้วิจารณญาณและตรวจสอบข้อมูลจากส่วนราชการ ก่อนเชื่อหรือแชร์ต่อไป นายจิรายุ ยังกล่าวด้วยว่า ส่วนกรณีนายไมเคิล อัลฟาโร ล็อบบี้ยิสต์อเมริกัน […]

ศูนย์ทุ่นระเบิดจบภารกิจหนุนชายแดน เก็บกู้สรรพาวุธตกค้างกว่า 800 ลูก

17 ส.ค. – ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดฯ สิ้นสุดภารกิจวันนี้ (17 ส.ค. 68) หลังสนับสนุนการเก็บกู้ระเบิดจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา โดยเก็บกู้สรรพาวุธตกค้างกว่า 800 ลูก ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดแห่งชาติ หรือ TMAC สิ้นสุดภารกิจวันนี้ (17 ส.ค. 68) หลังสนับสนุนการเก็บกู้ระเบิดจากเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ตั้งแต่วันที่ 1-16 สิงหาคมที่ผ่านมา TMAC ได้เก็บกู้สรรพาวุธที่ตกค้างกว่า 800 ลูก ในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดนอีสานใต้ ได้แก่ บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ และอุบลราชธานี ประกอบด้วย กระสุน BM-21 ลูกปืนใหญ่ ปืน ค จรวด ก่อนหน้าสถานการณ์ตึงเครียด กัมพูชาขัดขวางการเก็บกู้ทุ่นระเบิด ไม่จริงใจแก้ปัญหา ทั้งที่เป็นประเทศภาคีอนุสัญญาออตตาวา ที่ห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล สำหรับอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี มีบ้านเรือนได้รับความเสียหายจากเหตุปะทะ 81 หลังคาเรือน […]

ตรวจสอบ รร.ประถม “พระอลงกต” ไม่ปรากฏชื่อ

ขอนแก่น 17 ส.ค.- กองปราบจ่อประชุมคณะทำงานคดี “หมอบี” เชื่อเจ้าตัวไม่หนี ขณะที่ทนายวัดพระบาทน้ำพุเลื่อนแถลงข่าว อ้างเอกสารชี้แจงยังไม่เรียบร้อย ตรวจสอบโรงเรียนประถม “พระอลงกต” ไม่ปรากฏชื่อ กรณีเพจดังตั้งข้อสงสัยวุฒิการศึกษาพระอลงกต เจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ อ้างว่าปี 2518 ยังเรียน มศ.2 จะจบวิศวฯ ปี 2519 ได้อย่างไร ผู้สื่อข่าวสอบถามแหล่งข่าวในสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) ให้ข้อมูลว่ากรณีพระอลงกต ระบุว่าจบการศึกษาที่โรงเรียนระดับประถม(นันทวิทยาลัย) ปรากฏว่าไม่มีชื่อโรงเรียนนี้อยู่ในสังกัดสำนักงานเขตของพื้นที่ทั้ง 26 อำเภอ ใน จ.ขอนแก่น หรือถ้ามี ก็อาจจะปิดตัวไปแล้ว   ส่วนระดับมัธยมศึกษานั้น ข้อมูลยืนยันว่า พระอลงกต ศึกษาจบระดับชั้น มศ.2 ที่โรงเรียนแก่นนครวิทยาลัย จังหวัดขอนแก่นจริง มีศิษย์เก่าทั้งระดับชั้นเดียวกัน และรุ่นพี่รุ่นน้องต่างยืนยันว่า พระอลงกต จบจากโรงเรียนแก่นนครวิทยาลัยจริง ในปี 2518 แต่ยังสงสัยในระดับปริญญาตรีว่าจะจบจริงหรือไม่   เชื่อ “หมอบี” ยังไม่หลบหนี พ.ต.อ.เอนก เตาสุภาพ […]

รวบแล้ว “ลุงคลั่ง” ใช้ไม้หน้าสามตีหลานสาวดับ

ตรัง 17 ส.ค.- ตำรวจ สภ.ห้วยยอด รวบลุงคลั่งใช้ไม้หน้าสามฟาดหลานสาวแท้ๆ เสียชีวิตคาบ้านพัก สารภาพอ้างแค้นใจสะสมมานาน มีปากเสียงบ่อยครั้ง ตำรวจ สภ.ห้วยยอด จ.ตรัง คุมตัวนายสุริยัณห์ อายุ 44 ปี ผู้ต้องหาที่ก่อเหตุใช้ไม้หน้าสาม กระหน่ำตี น.ส.ปาริชาติ หรือน้องเชียร์ อายุ 21 ปี นักศึกษาพยาบาลชั้นปีที่ 3 ซึ่งเป็นหลานสาวแท้ๆ ของตัวเองจนเสียชีวิตภายในบ้านพัก จากนั้นหลบหนีขึ้นไปบนเขา คลองมวน  ต.หนองปรือ อ.รัษฎา เจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าปิดล้อมภูเขา ก่อนจับกุมตัวได้พร้อมของกลางไม้หน้าสามเปื้อนเลือด ความยาวประมาณ 60 เซนติเมตร  สอบสวนนายสุริยัณห์ รับสารภาพว่าลงมือก่อเหตุจริง โดยอ้างว่ามีปัญหากับหลานสาวมานาน มักมีปากเสียงบ่อยครั้ง วันเกิดเหตุได้บุกเข้าไปในห้อง ใช้ไม้หน้าสามฟาดเข้าที่ท้ายทอยของหลานสาว 6–7 ครั้งจนเสียชีวิต ก่อนหลบหนีออกจากบ้าน ผู้ต้องหาระบุว่า เคยทำงานเป็นช่างสักตามเกาะท่องเที่ยว เช่น เกาะพะงัน และเกาะพีพี แต่มีปัญหาจึงกลับมาอยู่บ้าน มีประวัติเกี่ยวข้องกับยาเสพติด และเคยถูกส่งตัวเข้าบำบัดหลายครั้ง ขณะถูกสอบสวนยังสามารถโต้ตอบคำถามได้ปกติ แต่ไม่มีท่าทีสำนึกผิดกับสิ่งที่ทำลงไป สำหรับศพของ “น้องเชียร์” ล่าสุด […]