กรุงเทพฯ 19 พ.ย.-รมว.ดีอีเอส เผยผลหารือ สตช. เร่งกระจายอำนาจให้สถานีตำรวจทั่วประเทศรับคดีหลอกขายสินค้าและบริการออนไลน์เพื่อเพิ่มความรวดเร็วในการดำเนินคดีและช่วยเหลือผู้เสียหาย เตรียมเจรจาแบงก์ชาติกำชับธนาคารพาณิชย์ให้ส่งมอบข้อมูลทางการเงินของผู้กระทำผิดให้รวดเร็วขึ้น
นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า ได้ประชุมร่วมกับผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อหารือแนวทางดำเนินการในคดีสืบสวนสอบสวนเกี่ยวกับคดีตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์และ พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์เพื่อแก้ไขปัญหาการหลอกลวง ฉ้อโกง และธุรกิจผิดกฎหมายทางออนไลน์ ซึ่งเห็นตรงกันว่า จะกระจายอำนาจรับผิดชอบเกี่ยวกับการสอบสวนคดีด้านนี้ไปยังสถานีตำรวจทุกแห่งทั่วประเทศ เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าไปแจ้งความได้เพื่อทำให้เกิดความรวดเร็วในการสอบสวน รวมทั้งลดจำนวนคดีสะสมที่อยู่ในความรับผิดชอบของกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ด้วย
ทั้งนี้ รมว.ดีอีเอส มีอำนาจตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ ในการแต่งตั้งพนักงานเจ้าหน้าที่ ที่ผ่านมาลงนามมอบอำนาจนี้ให้กับตำรวจบช.สอท. จากนี้จะมอบอำนาจให้ถึงระดับตำรวจภูธร เพื่อรองรับความเปลี่ยนแปลงที่การซื้อขายผ่านอี-คอมเมิร์ซที่ขยายตัวอย่างมาก ส่งผลให้จำนวนคดีด้านนี้เพิ่มขึ้นอย่างมาก
นอกจากนี้ กระทรวงดีอีเอสและตำรวจจะร่วมกันรวบรวมปัญหาที่เกี่ยวกับคดีตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ และ พ.ร.บ.ไซเบอร์ฯ เพื่อสรุปภายในเวลา 10.00 น. ของแต่ละวัน แล้วส่งต่อมายังกระทรวงฯ เพื่อขอคำสั่งศาลให้มีการปิดกั้น รวมถึงประสานไปยังแพลตฟอร์มผู้เกี่ยวข้องกรณีมีการละเมิด community standard ของแพลตฟอร์มนั้นๆ เพื่อเข้าสู่กระบวนการดำเนินคดีภายในวันนั้น
นายชัยวุฒิกล่าวต่อว่า เตรียมหารือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาความล่าช้าในการประสานขอข้อมูลเส้นทางการเงินผู้กระทำผิดหรือฉ้อโกงในการซื้อขายออนไลน์จากธนาคารบางแห่ง ส่งผลกระทบต่อการแก้ไขปัญหาให้ผู้เสียหาย โดยคาดว่า ที่ผ่านมา ธปท. ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลธนาคารในประเทศไทย อาจไม่ได้กำชับในประเด็นดังกล่าว ทำให้ธนาคารบางแห่งไม่ให้ข้อมูลอย่างรวดเร็วและเพียงพอ
กระทรวงดีอีเอสและสตช. ยังเห็นร่วมกันว่า ต้องพิจารณาแนวทางป้องกันปัญหาด้วย เนื่องจากการซื้อขายออนไลน์นั้น ผู้ทำธุรกรรมควรมีการใช้ระบบบัญชี Escrow ที่มีระบบคนกลางเช่น ธนาคาร เป็นตัวกลางในการรับเงินจากผู้ซื้อสินค้าออนไลน์ หากมีกรณีร้องเรียนสินค้าไม่ตรงปก ตรวจสอบพบผู้ขายหลอกลวงฉ้อโกง ต้องโอนเงินคืนให้กับลูกค้า โดยปัจจุบันระบบนี้มีแล้วในหลายประเทศ ได้แก่ ระบบ Paypal ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งถึงเวลาแล้วที่ระบบนี้ควรเกิดขึ้นในประเทศไทย ทั้งนี้ธนาคารสามารถให้บริการได้โดยคิดค่าธรรมเนียมเพียงเล็กน้อยหรือไม่คิดเลยเพื่อสร้างความมั่นใจต่อประชาชนในการทำธุรกรรมทางออนไลน์.-สำนักข่าวไทย