ซิดนีย์ 7 ส.ค. – คอมมอนเวลธ์แบงก์ ซึ่งเป็นธนาคารใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย ยอมรับวันนี้ว่า มีข้อผิดพลาดในเรื่องการรายงานธุรกรรมเงินสดต่อศูนย์วิเคราะห์และรายงานธุรกรรมของออสเตรเลีย (ออสแทรก) เกิดขึ้นจริง แต่จะเดินหน้าต่อสู้ข้อกล่าวหาละเมิดกฎหมายต่อต้านการฟอกเงินและกฎหมายต่อต้านการให้เงินทุนสนับสนุนการก่อการร้ายต่อไป
คอมมอนเวลธ์แบงก์ ซึ่งเป็นบริษัทที่มีมูลค่าตลาดมากที่สุดในออสเตรเลีย ถูกออสแทรกยื่นฟ้องศาลในข้อหาละเมิดกฎหมาย 53,700 ครั้ง โดยล่าช้าในการรายงานธุรกรรมเงินสดผ่านเครื่องรับจ่ายเงินอัตโนมัติ มูลค่าตั้งแต่ 10,000 ดอลลาร์ออสเตรเลียขึ้นไป ทั้งหมด 53,506 ครั้งระหว่างเดือนพฤศจิกายน 2555-กันยายน 2558 รวม 624.7 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 16,480 ล้านบาท) ล่าช้าหรือไม่รายงานธุรกรรมต้องสงสัย 77 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ราว 2,030 ล้านบาท) และจงใจไม่เฝ้าสังเกตลูกค้าหรือจัดการกับความเสี่ยงเกี่ยวกับการฟอกเงิน
นายเอียน นาเรฟ ประธานบริหารคอมมอนเวลธ์แบงก์ ที่กำลังถูกกดดันให้ลาออกจากตำแหน่งกล่าวยอมรับว่า มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้นจริง และว่า เขา รวมถึงผู้บริหารคนอื่นๆ กำลังทุ่มเทดำเนินการจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น สิ่งหนึ่งที่เกิดขึ้นคือ มีรหัสผิดพลาดในระบบซอฟต์แวร์เมื่อปี 2555 และธนาคารได้ดำเนินการแก้ไขในปี 2558 ส่วนข้อกล่าวหาที่ว่ามีการละเมิดกฎหมายต่อต้านการฟอกเงินและกฎหมายต่อต้านการให้เงินทุนสนับสนุนก่อการร้าย ธนาคารกำลังเตรียมต่อสู้ในชั้นศาล ทั้งนี้ หากศาลชี้ว่ามีความผิดจริง คอมมอนเวลธ์แบงก์อาจถูกปรับเป็นเงินก้อนโต.- สำนักข่าวไทย