กรุงเทพฯ 11 มี.ค.-ส.ป.ก. หารือ ปปง. ยกระดับการดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้กระทำผิดในเขตปฎิรูปที่ดิน โดยใช้ พ.ร.บ.ฟอกเงิน จัดการทั้งข้าราชการทุจริต ซึ่งร่วมกับกลุ่มทุนแสวงหาผลประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน อันมีลักษณะเป็นการค้า ย้ำดำเนินคดีทั้งผู้ให้และผู้รับ
นายวิณะโรจน์ ทรัทย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เข้าหารือกับนายเทพสุ บวรโชติดารา เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) โดยมีนายนายธนดล สุวัณณะฤทธิ์ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้าร่วมหารือด้วย ทั้งนี้เป็นการหารือเกี่ยวกับการยกระดับการดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้แสวงหาผลประโยชน์ แบบนี้ปฏิรูปที่ดินโดยมิชอบ อันมีลักษณะเป็นการค้า ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ให้ความเห็นว่า สามารถใช้พระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 ดำเนินคดีเพื่อนำไปสู่การยึดทรัพย์ได้
เลขาธิการส.ป.ก. กล่าวว่า ตรวจสอบพบเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร หรือบุคคลบางคน หรือบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มนายทุนกระทำความผิดในเขตปฏิรูปที่ดินเช่น การลักลอบขุดดินเพื่อนำออกจำหน่ายโดยปราศจากความยำกรงต่อกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
ลักษณะการใช้ประโยชน์ในที่ดินผิดวัตถุประสงค์ที่พบเป็นการเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากทรัพยากรที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดิน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการค้าหรือเพื่อการให้บริการแก่นักท่องเที่ยวจำนวนมาก
ทั้งนี้กระบวนการตามกฎหมายปกติไม่สามารถสร้างความยำเกรงให้แก่ผู้กระทำความผิดได้ หรือผู้กระทำความผิดมีพฤติการณ์ซึ่งน่าจะเป็นอันตรายต่อความปลอดภัยของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานในพื้นที่หรือความสงบเรียบร้อยในสังคม หรือเป็นผู้มีอิทธิพล หรือเกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพล นักการเมือง หรือข้าราชการระดับสูง ประกอบกับ ส.ป.ก. เห็นว่า กรณีดังกล่าวมีลักษณะเป็นการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติหรือสิ่งแวดล้อม โดยการใช้ ยึดถือ หรือครอบครองทรัพยากรธรรมชาติ หรือกระบวนการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติโดยมิชอบด้วย
ดังนั้นส.ป.ก. จึงหารือกับสำนักงานปปง. หารือเกี่ยวกับการใช้กฎหมายฟอกเงินมาดำเนินการต่อการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในเขตปฏิรูปที่ดิน อันมีลักษณะเป็นการค้าซึ่งเข้าองค์ประกอบเป็นความผิดมูลฐานตามมาตรา 3 (15) แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 เพื่อดำเนินคดีทั้งกลุ่มทุนและข้าราชการส.ป.ก. ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด
นายวิทยา นิติธรรม ผู้อำนวยการกองกฎหมานและโฆษกปปง. กล่าวว่า การใช้กฎหมายฟอกเงินมาดำเนินคดีด้วย จะเป็นส่วนสำคัญในการตัดวงจรการฟอกเงิน มิให้ผู้กระทำความผิดหรือผู้มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดนำเงินหรือทรัพย์สินที่ได้จากการกระทำความผิดไปหมุนเวียนหรือใช้ประโยชน์ในการก่ออาชญากรรมต่อไป
ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ร่วมกับตำรวจบก. ปปป. ตรวจสอบการออกเอกสารส.ป.ก. 4-01 และข้อมูลผู้ถือครองที่ดินที่ออกส.ป.ก. 4-01 ในพื้นที่ตำบลหมูสีและกลางดง อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมาซึ่งพบการกระทำผิดของเจ้าหน้าที่รัฐบางคน ตลอดจนทราบแล้วว่า มีนายทุนอยู่เบื้องหลัง จึงประสานปปง. ตรวจสอบเส้นทางการเงินเพื่อหาผู้กระทำผิดทั้งผู้ให้และผู้รับทั้งหมด ตามนโยบายของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มอบนโยบายให้ส.ป.ก. หารือร่วมกับสำนักงานปปง. เพื่อกำหนดแนวทางการดำเนินงานร่วมกันและดำเนินการทางกฎหมายต่อผู้กระทำความผิดตามมูลฐานดังกล่าว เพื่อให้บรรลุผลตามเจตนารมณ์แห่งกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมที่มีวัตถุประสงค์ในการจัดสรรที่ดินให้แก่เกษตรกร ไม่ใช่เพื่อการค้า ตลอดจนไม่ต้องการให้มีการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในเขตปฏิรูปที่ดิน
พร้อมกันนี้ย้ำว่า ขอเวลาอีกไม่เกินสัปดาห์ จะได้เห็นโฉมหน้าผู้กระทำผิด โดยจะดำเนินคดีทั้งหมด ทั้งผู้ให้และผู้รับ . 512 – สำนักข่าวไทย