fbpx

อัยการยังไม่ฟ้อง “ทักษิณ” นัดฟังคำสั่งใหม่ 10 เม.ย. ยันป่วยจริง

กรุงเทพฯ 19 ก.พ. – อัยการยังไม่ฟ้อง “ทักษิณ” นัดฟังคำสั่งใหม่ 10 เม.ย. ยันสภาพป่วยหนักวิกฤตจริง พูดไม่ค่อยได้ เดินไม่ไหว นั่งวีลแชร์มา


นายปรีชา สุดสงวน อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญา พร้อมด้วยนายประยุทธ เพรชคุณ รองอธิบดีอัยการ สำนักงานคดีพิเศษ และโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด, นายณรงค์ ศรีระสันต์ รองโฆษกฯ, นายนาเคนทร์ ทองไพรวัลย์ รองโฆษกฯ และนายวิพุธ บุญประสาท อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 ร่วมกันแถลงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้กล่าวหาในคดี ม.112

นายประยุทธ กล่าวว่า เมื่อเวลา 08.30 น.พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ปอท. ซึ่งได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุดให้เป็นผู้รับผิดชอบสอบสวนคดี นำตัวนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องหา ส่งให้กับพนักงานอัยการสำนักงานคดีอาญา ซึ่งได้รับมอบหมายจากอัยการสูงสุดให้รับผิดชอบดำเนินคดีนี้ โดยมีนายปรีชา สุดสงวน อธิบดีอัยการ สำนักงานคดีอาญาและนายวิพุธ บุญประสาท อัยการพิเศษฝ่าย สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นผู้รับตัวจากพนักงานสอบสวน


คดีนี้นายทักษิณ ร้องขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด ผ่านพนักงานสอบสวนในขณะเข้าแจ้งข้อกล่าวหาที่โรงพยาบาลตำรวจ ซึ่งอัยการสูงสุดพิจารณาหนังสือร้องขอความเป็นธรรมแล้ว เห็นว่าคดีมีประเด็นให้สอบสวนเพิ่มเติมตามร้องขอ อัยการสูงสุดจึงมีคำสั่งให้สอบสวนเพิ่มเติม และมอบหมายให้พนักงานสอบสวนทำการสอบสวนเพิ่มเติมตามหนังสือร้องขอความเป็นธรรม แต่เนื่องจากการสอบสวนยังไม่สิ้นกระแสความ อัยการสูงสุดจึงยังไม่อาจลงความเห็นและมีคำสั่งทางคดีได้ในขณะนี้ จึงอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวนายทักษิณ โดยมีหลักประกันเป็นบัญชีเงินฝากธนาคาร 5 แสนบาท และนัดให้มาพบพนักงานอัยการฟังคำสั่งฟ้องใหม่ วันที่ 10 เม.ย.67 เวลา 09.00 น. ที่สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 สำนักงานอัยการสูงสุด

ส่วนที่เห็นควรให้ปล่อยตัวนายทักษิณ ชั่วคราว เนื่องจากขณะที่พูดคุยกับนายทักษิณ ประมาณครึ่งชั่วโมง ปรากฏว่า มีอาการป่วยขั้นวิกฤต เพราะต้องนั่งรถวีลแชร์มา เดินไม่ไหว ไม่ค่อยมีเสียงพูด มีการล็อกดามคอมา เดินไม่ไหว ดูแล้วป่วยจริงและวิกฤติ ไม่ค่อยมีเสียง ดูท่าทางมีการป่วยหนัก และมีการสวมที่ดามคอมา

เมื่อถามว่า นางสาวแพรทองธาร หรือ อุ๋งอิ๋ง ได้เดินทางมาด้วยหรือไม่ นายปรีชา บอกว่า นายทักษิณเดินทางมากับคนสนิท ลูกสาวไม่ได้เดินทางมาด้วยและไม่ได้เป็นนายประกัน โดยขั้นตอนการเซ็นรายงานตัวและเข้าพบอัยการใช้เวลาประมาณ 30 นาที ก่อนที่นายทักษิณจะกลับไป


นายประยุทธ ยืนยัน คดีนี้เป็นบุคคลที่อยู่ในความสนใจของประชาชน มีข้อหาสำคัญ ขอให้มั่นใจและเชื่อมั่นในการทำงานของอัยการว่าทุกอย่างอยู่บนพื้นฐานข้อเท็จจริงและดำเนินตามกฎหมาย ส่วนเมื่อวานนี้ (18 ก.พ.) นายทักษิณ ได้รับการปล่อยตัวจากกรมราชทัณฑ์ในคดีอาญาเรื่องอื่นเนื่องจากได้รับการพักการลงโทษทางพนักงานสอบสวน ปอท. ได้ไปรับตัวนายทักษิณ ตามหนังสืออายัดตัวของพนักงานสอบสวนลงวันที่ 28 สิงหาคม 2566 และเมื่อรับตัวมาแล้วพนักงานสอบสวนได้ปล่อยตัวชั่วคราวไปในวันเดียวกัน

ส่วนหลักประกันที่นายทักษิณใช้ในการประกันตัว เป็นหลักทรัพย์ในสมุดบัญชีที่ได้รับการรับรองจากธนาคารมีเงินจำนวน 5 แสนบาท ซึ่งทางอัยการจะอายัดบัญชีดังกล่าวไว้ ส่วนเมื่อถามว่ามีเงื่อนไขในการปล่อยตัวหรือไม่ทางนายปรีชา บอกว่าสำหรับอัยการไม่มีเงื่อนไข แต่เงื่อนไขทางกรมคุมประพฤติ ที่กำหนดนั้นตนไม่สามารถตอบได้ว่านายทักษิณ จะต้องปฏิบัติตัวอย่างไรระหว่างพักโทษ นอกจากนี้ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงขั้นตอนในวันนัดที่ 10 เมษายน ทางนายประยุทธ์ กล่าวว่า เป็นการนัดนายทักษิณ มาเพื่อฟังคำสั่งทางคดี จะมีคำสั่งว่าจะสั่งฟ้อง ไม่สั่งฟ้อง หรือเลื่อนนัดฟังซึ่งจะต้องแจ้งให้ตัวนายทักษิณ ทราบในวันนั้น

สำนวนเดิมที่มีคำสั่งเห็นควรสั่งฟ้อง เป็นคำสั่งแรกตั้งแต่นายทักษิณ ยังไม่กลับเข้าประเทศไทย แต่เมื่อนายทักษิณ กลับเข้าประเทศไทยและมีการแจ้งข้อกล่าวหากันไปแล้วตั้งแต่วันที่ 17 ม.ค. รวมถึงมีการส่งหนังสือร้องขอความเป็นธรรม ทำให้ทางคณะพนักงานสอบสวนได้มีการสอบสวนสำนวนใหม่ จึงทำให้วันที่ 10 เมษายนนี้ ตัวนายทักษิณจะต้องมารับฟังคำสั่งด้วยตนเอง ว่าทางอัยการจะเห็นสมควรสั่งฟ้องทางคดีหรือไม่ โดยคำสั่งจะแบ่งออกเป็น 3 แนวทาง 1.สั่งฟ้อง 2.ไม่สั่งฟ้อง 3.เลื่อนนัดฟังคำสั่ง ถ้าหากสำนวนที่สอบเพิ่มเติมนั้นยังไม่ครบถ้วน แต่ไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรจะต้องแจ้งให้ตัวนายทักษิณ ทราบ

หากทางอัยการมีคำสั่งเห็นสั่งฟ้องจะต้องนำตัวนายทักษิณ เข้าสู่กระบวนการศาลทันที แต่หากมีคำสั่ง ไม่ฟ้องคดีดังกล่าวถือว่าสิ้นสุดในชั้นของอัยการต้องส่งสำนวนไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้พิจารณาเหมือนกับคดีอื่น ๆ เนื่องจากเป็นคดีนอกราชอาณาจักรที่อัยการสูงสุดมีอำนาจสอบสวนและพิจารณาเด็ดขาด. -416-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

ฆ่ารัดคอขับโบลท์

รวบ “ไอ้แม็ก” ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ พบเคยถูกจับคดีโหด

จับแล้ว “ไอ้แม็ก” เดนคุก ฆ่ารัดคอหญิงขับโบลท์ ทิ้งร่างอำพราง ริมถนนห้วยพลู จ.นครปฐม ก่อนเอารถไปขาย สอบประวัติ พบเพิ่งพ้นโทษ คดีล่ามโซ่ล่วงละเมิดเด็กวัย 13 ปี นาน 1 สัปดาห์ เมื่อปี 2553

พายุโซนร้อนซูลิก

ฤทธิ์พายุโซนร้อนซูลิก ทำฝนเริ่มตกหนักในพื้นที่นครพนม

ฤทธิ์พายุโซนร้อน “ซูลิก” ทำฝนเริ่มตกหนักในพื้นที่ จ.นครพนม เจ้าหน้าที่ต้องเร่งเดินเครื่องสูบน้ำลงน้ำโขง

อุตุฯ เตือนพายุ “ซูลิก” ฉบับที่ 12 ฝนถล่มหลายจังหวัด

กรมอุตุฯ ออกประกาศเตือนพายุ “ซูลิก” ฉบับที่ 12 ภาคเหนือ อีสาน กลาง รวมทั้งกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากกับมีลมแรง