เปิดวงจรปิดนาทีอุ้มหนุ่มโรงงานขึ้นรถ

สมุทรปราการ 2 ก.พ. – ตำรวจเปิดภาพวงจรปิดนาทีมือฆ่าขับรถปาดหน้าหนุ่มโรงงาน ก่อนจะอุ้มขึ้นรถไปก่อเหตุ ด้านภรรยาพ้อ สภาพจิตใจแย่ ยืนยันไม่เกี่ยวกับการฆ่าสามี เป็นแค่เพื่อนร่วมงานของ “ช่างกิต”


วงจรปิดบันทึกภาพนาทีที่นายกิตติโชติ หรือ ช่างกิต บางบ่อ ผู้ก่อเหตุขับรถยนต์ปาดหน้ารถจักรยานยนต์ของผู้ตาย คือ นายธนาสันต์ อายุ 33 ปี หนุ่มโรงงาน และได้ลงมาบังคับผู้ตายให้ขึ้นรถมาด้วย ก่อนจะอุ้มขึ้นรถและนำไปก่อเหตุลงมือฆ่า กระทั่งมีการพบศพนายธนาสันต์ ถูกมัดมือมัดเท้าทิ้งหมกข้างทางเลียบมอเตอร์เวย์ จังหวัดฉะเชิงเทรา เมื่อช่วงค่ำวันที่ 29 มกราคมที่ผ่านมา

จากการตรวจสอบไทม์ไลน์ตามกล้องวงจรปิด ตั้งแต่วันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา พบว่าเมื่อเวลา 22.08 น. บริเวณหน้าหมู่บ้าน ต.แพรกษาใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ พบผู้เสียชีวิตขี่รถจักรยานยนต์ออกจากหมู่บ้าน จากนั้นเวลา 22.11 น. บริเวณหน้าร้านสะดวกซื้อ สามแยก ซ.คลองอาเสี่ย จะเห็นผู้เสียชีวิตขี่รถจักรยานยนต์เลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าปากซอยจงศิริ และมีรถยนต์ของผู้ก่อเหตุขับติดตามรถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต ต่อมาเวลา 22.13 น. บริเวณสามแยกถนนคลองอาเสี่ยคลอง กันยา – สิริพาร์คแลนด์ พบรถจักรยายนต์ของผู้เสียชีวิตขี่ผ่านบริเวณนี้ แต่สังเกตเห็นว่าคนขี่ไม่สวมหมวกกันน็อก ซึ่งคาดว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุเป็นคนขี่ จากนั้นพบรถยนต์ของผู้ก่อเหตุขับติดตามมา


เวลา 22.13 น. บริเวณสามแยก ซ.จงสิริ พบผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต มุ่งหน้า ถ.บางพลี-ตำหรุ จากนั้นพบรถยนต์ของผู้ก่อเหตุขับติดตามมา เวลา 22.15 น. บริเวณปากซอยจงสิริ พบผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต มุ่งหน้า ถ.บางพลี-ตำหรุ และยังพบรถยนต์ของผู้ก่อเหตุขับติดตามมา เวลา 22.18 น. บริเวณสี่แยกคลองขุด พบผู้ก่อเหตุ ขี่รถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต มุ่งหน้า ถ.บางพลี-ตำหรุ ขาออก เวลา 22.19 น. บริเวณจุดกลับรถ ถ.บางพลี-ตำหรุ พบผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต กลับรถบริเวณดังกล่าว มุ่งหน้า ถ.บางพลี-ตำหรุ ขาเข้า และเวลา 22.21 น. บริเวณจุดกลับรถ ถ.บางพลี-กิ่งแก้ว พบผู้ก่อเหตุขี่รถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิต มุ่งหน้า ถ.กิ่งแก้ว โดยมีรถยนต์ของผู้ก่อเหตุขับติดตามมา จนกระทั่งกลุ่มผู้ก่อเหตุขับออกจากพื้นที่สมุทรปราการ มุ่งหน้าเข้าเขตฉะเชิงเทรา

คดีนี้สืบเนื่องจากเมื่อที่ 29 มกราคม 2567 เวลาประมาณ 17.16 น. ตำรวจ สภ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา ได้รับแจ้งเหตุจากศูนย์วิทยุว่า มีเหตุคนเสียชีวิต บริเวณถนนเลียบมอเตอร์เวย์ ช่วงกิโลเมตรที่ 41 ขาเข้ากรุงเทพฯ ม.10 ต.บางวัว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา โดยร่างผู้เสียชีวิตอยู่ในสภาพถูกมัดมือและเท้า และถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาด อยู่บริเวณข้างพงหญ้าริมกำแพงถนนมอเตอร์เวย์ แพทย์สันนิษฐานเสียชีวิตมาแล้วประมาณ 2-3 วัน

ในที่เกิดเหตุพบ น.ส.วรรณพร แสดงตัวเป็นภรรยาของผู้ตาย และยืนยันว่า ผู้ตายคือ นายธนาสันต์ พร้อมเล่าว่า ก่อนเกิดเหตุ เมื่อวันเสาร์ที่ 27 มกราคม 2567 เวลาประมาณ 22.00 น. ผู้ตายขี่รถจักรยานยนต์ส่วนตัวออกจากบ้านพักย่าน ต.แพรกษาใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ เพื่อเดินทางไปทำงานตามปกติ


ต่อมาได้รับแจ้งจากเพื่อนร่วมงานว่า สามีไม่ได้เดินทางไปทำงาน จึงพยายามติดต่อ แต่ไม่สามารถติดต่อได้ ต่อมาเมื่อวันอาทิตย์ที่ 28 มกราคม 2567 ตนเองได้พูดคุยผ่านแชทไลน์ โดยผู้ตายส่งข้อความมาว่าขอเลิกรา โดยแจ้งเหตุผลว่าทำผู้หญิงคนอื่นท้อง ซึ่งจากลักษณะข้อความที่พูดคุย เชื่อว่าข้อความเหล่านี้ไม่ใช่ลักษณะการพูดคุยของสามี และจากการตรวจสอบบริเวณที่เกิดเหตุ พบว่ารถจักรยานยนต์และโทรศัพท์มือถือของสามีสูญหายไปด้วย ต่อมา พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. หัวหน้าคุมงานสืบสวนของ ตร. ได้รับทราบเรื่อง เห็นว่าคดีดังกล่าวเป็นคดีอุกฉกรรจ์ร้ายแรง และเชื่อได้ว่ามีผู้ก่อเหตุมากกว่า 1 คน มีการเตรียมการและวางแผนมาก่อน จึงสั่งเร่งคลี่คลายคดีดังกล่าว

ตรวจสอบกล้องวงจรปิด พบว่า ในคืนวันเสาร์ที่ 27 มกราคม 2567 เวลาประมาณ 21.14 น. กลุ่มคนร้าย จำนวน 5 คน รวมตัวกันที่อู่ซ่อมรถของ ช่างกิต ซึ่งตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐาน และพิสูจน์ทราบตัวบุคคลผู้ก่อเหตุทั้งหมด จนทราบตัว นายกิตติโชติ หรือ ช่างกิต เป็นคนแรก และได้ขอศาลจังหวัดฉะเชิงเทราออกหมายจับ ก่อนจับกุมตัวช่างกิตได้ที่บริเวณปั๊มน้ำมันแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ พร้อมตรวจยึดรถยนต์คันที่ใช้ก่อเหตุ โดยช่างกิต ให้การรับสารภาพว่า ได้ร่วมกันกับพวกก่อเหตุในครั้งนี้จริง ต่อมาตำรวจได้ทำการกดดันกลุ่มคนร้าย กระทั่งในช่วงเช้าของวันศุกร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567 เวลาประมาณ 10.00 น. นายนันทพัทธ์ หรือ โอ๊ต, นายปานเทพ หรือ แท็ป, นายสุขสงกรานต์ หรือ กรานต์ และ น.ส.อภิสรา หรือ นิว ติดต่อเข้ามอบตัว ซึ่งทั้งหมดให้การรับสารภาพ และคุมตัวชี้จุดที่นำรถจักรยานยนต์ของผู้ตายไปทิ้งไว้ในคลองส่งน้ำ เขตพื้นที่ จ.สมุทรปราการ

ตำรวจแจ้งข้อหากลุ่มคนร้ายทั้งหมด “ปล้นทรัพย์ เป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย, ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา, ซ่อนเร้น ย้าย หรือทำลายศพ, หน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่น, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, พาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะ โดยไม่มีเหตุอันควรและความจำเป็นเร่งด่วนและโดยไม่มีใบอนุญาต และยิงปืนซึ่งใช้ดินระเบิดโดยใช่เหตุในเมือง หมู่บ้าน หรือที่ชุมนุมชน” ซึ่งมีอัตราโทษสูงถึงประหารชีวิต

นอกจากนี้ ในวันที่พบศพผู้ตาย ช่างกิต เป็นคนพา นส.วรรณพร ภรรยาผู้ตาย ไปดูที่เกิดเหตุด้วย ซึ่งบ้านนายกิตติโชติ อยู่ไม่ไกลจากที่พบร่างผู้ตาย ส่วนชนวนเหตุสังหาร เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างสอบสวน โดยมีรายงานว่า อาจมาจากเรื่องชู้สาว

ต่อมาผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจ สภ.บางปะกง คุมตัว นายโบ๊ท หนึ่งในแก๊งอุ้มฆ่า และทำหน้าที่เป็นคนขี่รถจักรยานยนต์ของผู้ตายออกมา หลังจากที่อุ้มผู้ตายขึ้นรถ แล้วยังเป็นหลานของช่างกิต ไปชี้จุดทิ้งอาวุธปืนและรถจักรยานยนต์ของผู้ตาย บริเวณคลองส่งน้ำสุวรรณภูมิ ต.บางปลา อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ โดยประสานนักประดาน้ำของมูลนิธิร่วมกตัญญู กว่า 10 นาย ลงค้นหา พบรถจักรยานยนต์และชิ้นส่วนอะไหล่ที่ถูกกลุ่มผู้ต้องหาช่วยกันชำแหละก่อนนำมาโยนทิ้ง ส่วนอาวุธปืนที่กลุ่มผู้ต้องหายืนยันว่าทิ้งจุดเดียวกับที่พบรถนั้น ขณะนี้ยังไม่พบ ทีมนักประดาน้ำยังคงค้นหาต่อเนื่อง

ขณะที่ช่วงบ่ายที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจกองพิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.บางปะกง นำหมายศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา เข้าตรวจค้นบ้านใน ต.แพรกษาใหม่ อ.เมืองสมุทรปราการ ซึ่งเป็นบ้านพักของนางวรรณพร ภรรยาของผู้ตาย เพื่อเก็บวัตถุพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยเจ้าหน้าที่ใช้เวลาตรวจค้นประมาณ 1 ชั่วโมง ก่อนจะเดินทางกลับ พร้อมกับนำวัตถุพยานที่พบในบ้านไปตรวจสอบเพิ่มเติม

นางวรรณพร กล่าวว่า ขณะนี้ตนเองยังสภาพจิตใจแย่ และได้กล่าวเพียงสั้นๆ ยืนยันความบริสุทธิ์ใจว่า ตนเองไม่เกี่ยวข้องกับเหตุฆาตกรรมสามี และยินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ในการตรวจค้นทุกอย่าง รายละเอียดให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหมดแล้ว หลังทราบว่า นายกิต เป็นคนลงมือ ตนเองตกใจมาก ไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้ และเป็นพฤติกรรมที่ตนรับไม่ได้ ส่วนนิสัยใจคอนั้น ลึกๆ ตนเองไม่ทราบว่านายกิตเป็นคนแบบไหน เพราะเป็นแค่เพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น

ล่าสุดเมื่อเวลา 15.30 น. ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังบ้านของช่างกิต ในพื้นที่หมู่ 8 ต.บางบ่อ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ โดยทีมพิสูจน์หลักฐานจังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมชุดสืบสวนภูธรจังหวัดฉะเชิงเทรา ลงพื้นที่เข้าตรวจสอบหาวัตถุพยาน หาความเชื่อมโยงกับอาวุธปืนที่ใช้ก่อเหตุ รวมถึงวัตถุพยานอื่นๆ ที่อาจเกี่ยวข้อง

จากการตรวจสอบในห้องพักของช่างกิต พบกระสุนปืนขนาด .380 จำนวน 6 นัด, เสื้อยืดสีเขียวแขนยาว จำนวน 1 ตัว ที่ใส่ไปในวันพบศพ, ครีม 1 กระปุก กับ 2 ขวดปั๊ม, สร้อยข้อมือเลส 1 เส้น, แหวนทองเหลือง 2 วง, ถุงเท้า 1 คู่, กล้องถ่ายรูป 1 ตัว, โทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง, เคสโทรศัพท์ 4 อัน และกล่องใส่รองเท้า 1 กล่อง เจ้าหน้าที่จึงนำกลับไปตรวจสอบ เพื่อหาความเชื่อมโยงว่าเกี่ยวข้องกับการก่อเหตุหรือไม่

สอบถาม ป้าอู๊ด อายุ 67 ปี พี่สาวแม่ของช่างกิต กล่าวว่า วันเกิดเหตุ ตนนอนอยู่ด้านหลังของบ้านช่างกิต ไม่ได้ยินเสียงใดๆ และไม่มีใครมาหาที่บ้าน ตนไม่ทราบเรื่อง และไม่ได้ยินเสียงปืน หรือมีเสียงคนทะเลาะวิวาทกันเกิดขึ้น เมื่อถามว่ารู้จักกับน้องพร ภรรยาของผู้เสียชีวิตหรือไม่ ป้าอู๊ดตอบว่า ช่างกิตเคยพามาแนะนำให้รู้จัก แต่เรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างช่างกิตกับน้องพรนั้น ป้าอู๊ดไม่ขอตอบในรายละเอียด ได้แต่ยิ้มแล้วเดินเข้าบ้านปิดประตูไป ส่วนเรื่องของการประกันตัว ต้องเป็นหน้าที่ของแม่ช่างกิต ที่จะต้องดำเนินการ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญถกคำร้อง “ทักษิณ-เพื่อไทย” ล้มล้างฯ

จับตา ศาลรัฐธรรมนูญ “รับ/ไม่รับ” คำร้องปม “ทักษิณ-พรรคเพื่อไทย” ใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองหรือไม่

อุตุฯ เผยเหนือ-อีสาน อากาศเย็นในตอนเช้า ภาคใต้ฝนตกหนักบางแห่ง

กรมอุตุฯ เผยภาคเหนือ ภาคอีสาน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนภาคใต้ มีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง

“เอวา” เสือโคร่งสายแบ๊ว ดาวรุ่งดวงใหม่

หน้าตาที่น่ารักบ้องแบ๊วเหมือนแมวตัวโต ตกหัวใจคนรักสัตว์กันไปเต็มๆ สำหรับน้องเอวา เสือโคร่งสายแบ๊วของเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี นอกจากหน้าตาน่ารักแล้วยังมีความสามารถหลายอย่าง จนกลายเป็นดาวรุ่งดวงใหม่ ที่ผู้คนแห่ไปชมความน่ารักกันอย่างคึกคัก คาดจะช่วยดึงนักท่องเที่ยวไปที่เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ต้อนรับอบอุ่น “โอปอล” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ถึงไทย

กลับถึงไทยแล้ว “โอปอล สุชาตา” รองอันดับ 3 มิสยูนิเวิร์ส 2024 ปรากฏตัวในชุดไทย สวยสง่า แฟนนางงามต้อนรับอย่างอบอุ่น