กรุงเทพฯ 11 ม.ค. – สาวร้องเพจสายไหมต้องรอด หลังถูกแฟนเก่ายกพวกรุมทำร้ายร่างกายถึงบ้านในยามวิกาล เผยประวัติเป็นพ่อค้ายาเสพติดรายใหญ่ย่านรามอินทรา
นางสาวเอ พร้อมมารดา และแฟนหนุ่ม เดินทางมาที่ศูนย์ประสานงานเพจสายไหมต้องรอด เขตสายไหม มาร้องขอความเป็นธรรมกับ นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด เนื่องจากถูกอดีตแฟนเก่าทำร้ายร่างกาย
นางสาวเอ ผู้เสียหายเปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 6 ม.ค.67 ตนกับแฟนได้ไปเที่ยวที่สถานบันเทิงแห่งหนึ่งย่านมีนบุรี ขณะที่กำลังขึ้นรถกลับบ้าน ก็พบกลุ่มอดีตแฟนเก่ายกพวกเข้ามารุมทำร้ายร่างกายตนเองและแฟนใหม่ ตนจึงโทรหาแม่ ซึ่งแม่ได้รู้จักแม่ของหนึ่งในกลุ่มคนร้าย จึงโทรไปบอกว่ามีการมาทำร้ายร่างกายลูกสาวและแฟนใหม่จากนั้นตนเองเดินทางแจ้งความไว้ที่ สน.มีนบุรี
ต่อมาวันที่ 10 ม.ค.67 คู่กรณีไม่ยอม ยกพวกมากว่า 10 คน โดยมีทั้งชายและหญิง บุกรุกเข้ามาถึงในบ้านของตนเองในยามวิกาล และเข้ามารุมทำร้ายร่างกาย ลากตนเองและแม่ รวมทั้งแฟน ออกมารุมทำร้ายที่หน้าบ้าน และคนในครอบครัว เนื่องจากไม่พอใจที่ แม่ของตนเองโทรไปบอกผู้ปกครองหนึ่งในกลุ่มคนร้าย โดยในระหว่างที่กลุ่มผู้ก่อเหตุรุมทำร้ายร่างกายตอนนั้น ผู้ก่อเหตุอ้างว่า ตำรวจไม่สามารถทำอะไรตนได้ และท้าให้ไปแจ้งความ ตนจึงรีบเข้าแจ้งความไว้ที่ สน.หนองจอก พร้อมกับร้องขอความช่วยเหลือมาที่เพจสายไหมต้องรอด และออกจากบ้านมาที่ศูนย์ประสานงานเพจสายไหมต้องรอดตั้งแต่เช้ามืด เนื่องจากกังวลว่าถ้าอยู่บ้านจะไม่ได้รับความปลอดภัย
สำหรับผู้ก่อเหตุ ผู้เสียหายเคยคบหากันมานานกว่า 1 ปี และได้เลิกรากันไปเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา เนื่องจากทนพฤติกรรมไม่ไหว เพราะแฟนเก่ามีอารมณ์ฉุนเฉียว เคยเอาปืนตบที่ใบหน้าของตนเอง เคยโดนบุกมาทำร้ายถึงที่ทำงาน ซึ่งผู้ก่อเหตุมีอาชีพค้ายาเสพติด และมีลูกน้องในพื้นที่จำนวนมาก จึงตัดสินใจได้เลิกรากันไป และฝ่ายชายก็ได้มีแฟนใหม่แล้ว แต่ก็ไม่คิดว่าจะกลับมาทำร้ายร่างกายของตนอีก ซึ่งตอนนี้ตนมีความหวาดกลัวเป็นอย่างมาก ไม่กล้ากลับเข้าไปนอนบ้าน เพราะกลัวว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุจะกลับมาทำร้ายซ้ำอีก
ทางด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ เปิดเผยว่า จากนี้ตนจะประสานไปยัง สน.มีนบุรี และ สน.หนองจอก เนื่องจากเป็นเหตุการณ์ที่อุกอาจเป็นอย่างมาก ซึ่งตนเชื่อว่า ไม่น่าเกินความสามารถของตำรวจที่จะจับตัวกลุ่มผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีตามกฎหมาย เพราะถ้าตำรวจไม่สามารถทำอะไรได้ ก็ไม่ต้องมีสถานีตำรวจเลยก็ได้. -414-สำนักข่าวไทย