กรุงเทพฯ 19 มี.ค. – ร้องถูก “ไอ้ตั๋ม” อดีตหุ้นส่วน ยกพวกรุมทำร้ายชิงรถเบนซ์ไปขาย อ้างซี้ตำรวจกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงต้องร้องกองปราบฯ ช่วย
นายวิษนุ อายุ 28 ปี หนุ่มปากีสถาน ซึ่งเป็นคนป่วยโรคหัวใจ เดินทางมาร้องเรียนพนักงานสอบสวน กองปราบปราม เพราะถูกอดีตหุ้นส่วนทางธุรกิจ บุกพาพวกทำร้ายร่างกายหลังธุรกิจขาดทุน พร้อมยึดรถเป็นหลักค้ำประกัน ก่อนนำไปขายโอน โดยอดีตหุ้นส่วนเป็นผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ จึงกลัวไม่ได้รับความเป็นธรรม
โดยนายวิษนุ ระบุว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยทำธุรกิจกับเพื่อนคนหนึ่งชื่อนายเอ เป็นธุรกิจซื้อขายรถยนต์มือสอง อีกทั้งก่อนหน้านี้นายเอนำรถยนต์ของน้องชายมาให้ตนซื้อ ในลักษณะเป็นการซื้อที่ไม่มีการโอนทะเบียนเพราะเป็นการซื้อสัญญาใจ ซึ่งตนก็ยังผ่อนซื้อต่อเนื่องและนายเอ ยังเคยให้ตนยืมเงินจำนวน 600,000 บาท เพื่อช่วยกันหมุนเวียนธุรกิจกัน
กระทั่งเมื่อปีที่ผ่านมา ปรากฏว่าธุรกิจซื้อขายรถมือสองเกิดล่ม จึงมีการตกลงเคลียร์หนี้สินกัน ซึ่งฝั่งตนยังคงมีหนี้ติดค้างกับนายเออยู่ 600,000 บาท จึงชำระคืนครึ่งหนึ่งจำนวน 300,000 บาท เหลืออีกครึ่งหนึ่ง ตนตกลงกับนายเอ ว่าจะค่อย ๆ ผ่อนชำระเป็นงวด พร้อมทั้งนำรถคันดังกล่าว ซึ่งยังผ่อนให้นายเอไม่หมดส่งมอบให้นายเอ เป็นหลักค้ำประกันหนี้ก้อน 600,000 บาท
อย่างไรก็ตาม นายเอกลับนำรถคันดังกล่าวไปขายต่อให้กับคนอื่น โดยที่ตนเพิ่งมาทราบตอนที่ตนผ่อนชำระหนี้ก้อน 600,000 บาท จนครบแล้ว จึงไปติดต่อนายเอ เพื่อที่จะขอรถคืนแล้วนำมาผ่อนต่อ แต่นายเอไม่ยอมส่งมอบรถให้และขอให้ตนผ่อนรถอีกงวดนึง ตนก็จ่ายไป แต่ก็ยังไม่ได้รถคืน จึงตกลงนัดนายเอมาพูดคุยกันที่เต็นท์รถแห่งหนึ่งย่านปากเกร็ด จ.นนทบุรี เมื่อช่วงเดือนมกราคมที่ผ่านมา
ปรากฏว่า นายเอ กลับยกพวกรวม 6 คน มารุมทำร้ายตน จนได้รับบาดเจ็บฟกช้ำทั่วร่างกาย โดยที่ตนได้พยายามร้องขอชีวิต เพราะตนเป็นโรคหัวใจและกลัวว่าจะส่งผลทำให้หัวใจกำเริบ แต่พวกนั้นก็ไม่ยอมหยุด พร้อมยังกล่าวข่มขู่อีกว่า หากจะไปแจ้งความก็ได้ แต่พวกตนรู้จักกับผู้กำกับตำรวจในพื้นที่ปากเกร็ดเป็นอย่างดี
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทำให้ตนตัดสินใจหยุดจ่ายผ่อนรถที่เหลือ แต่ยังรู้สึกหวาดกลัว ไม่กล้าไปแจ้งความหรือแม้กระทั่งไปรักษาพยาบาล ต้องนอนพักรักษาตัวอยู่ที่บ้าน เพราะมีเพียงแค่อาการฟกช้ำตามร่างกาย เคยร้องเรียนผ่านเพจร้องทุกข์ชื่อดังและถึงขนาดออกรายการโทรทัศน์รายการหนึ่ง แต่ปรากฏว่าคดีก็ยังไร้ความคืบหน้าใด ๆ จนรู้สึกหมดที่พึ่งและหวาดกลัวถึงความเป็นมีอิทธิพลของกลุ่มผู้ก่อเหตุ เกรงว่าจะวกกลับมาทำร้ายตนอีก จึงตัดสินใจที่จะเข้าแจ้งความกับกองปราบปราม เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่มผู้ก่อเหตุเหล่านี้
เบื้องต้นพนักงานสอบสวน บก.ป.สอบปากคำผู้เสียหาย ก่อนแนะนำและประสานไปยังท้องที่ สภ.ปากเกร็ด ให้รับแจ้งความเพื่อหาทางช่วยเหลือผู้เสียหายตามกฎหมายต่อไป.-414-สำนักข่าวไทย