ฉะเชิงเทรา 3 ม.ค.- วิสาหกิจชุมชนเกษตรปลอดภัยสูง อ. บ้านโพธิ์ จ. ฉะเชิงเทราซึ่งผลิตไวน์จากผลไม้ขอบคุณรัฐบาลที่ลดภาษีสุราพื้นบ้านให้ แต่ขอให้ช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ประกอบการรายย่อยเพิ่มเติม ด้วยการปลดล็อก ให้สามารถโฆษณาสินค้าได้ ไม่เช่นนั้นจะไม่มีโอกาสในการแข่งขัน เมื่อเทียบกับรายใหญ่
นางสาวปคุณา บุญก่อเกื้อ ประธานวิสาหกิจชุมชนเกษตรปลอดภัยสูง อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรากล่าวว่า ขอบคุณรัฐบาลที่ปรับลดภาษีบางส่วนให้ผู้ผลิตสุราพื้นบ้าน โดยถือเป็นจุดเริ่มต้นที่แสดงให้เห็นว่า รัฐบาลสนับสนุนผู้ประกอบรายย่อย
ทั้งนี้วิสาหกิจชุมชนเกษตรปลอดภัยสูงผลิตสุราแช่ชนิดผลไม้หรือไวน์ โดยเริ่มต้นจากการใช้เมล่อนที่เกษตรกรสมาชิกวิสาหกิจชุมชนปลูก ด้วยการนำผลผลิตเกรดรองมาผลิตไวน์เพื่อลดการสูญเสียและเพิ่มมูลค่า ปัจจุบันยังผลิตไวน์จากมะม่วง มะพร้าว ข้าวกข 43 และข้าวหอมนิลด้วย
ทั้งนี้ภาษีและเงินอุดหนุนเข้ากองทุนเพื่อสังคมที่ผู้ผลิตสุราต้องจ่ายมีมากถึง 7 รายการ สำหรับผลิตภัณฑ์ไวน์ของวิสาหกิจชุมชนเกษตรปลอดภัยสูงจะต้องจ่ายรวม 11.24 บาทต่อ 1 ขวด โดยภาษีส่วนที่รัฐบาลลดให้อยู่ที่ 0.96 บาท ดังนั้นส่วนที่ยังจะต้องจ่าย 10.28 บาทต่อ 1 ขวด
นอกจากนี้ผู้ผลิตรายย่อยยังจำหน่ายผลิตภัณฑ์ในราคาสูงกว่าผู้ผลิตรายใหญ่เนื่องจากต้นทุนสูงกว่า ทำให้ภาษีมูลค่าเพิ่มสูงกว่าผู้ผลิตรายใหญ่ หากรัฐบาลต้องการสนับสนุนผู้ผลิตรายย่อย ขอให้ผ่อนปรนให้สามารถผู้ประกอบการรายย่อยโฆษณาสินค้าได้บ้างเนื่องจากตามมาตรา 32 ของพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระบุ ห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ทำให้ผู้ประกอบรายย่อยไม่มีช่องทางในการสื่อสารไปยังผู้บริโภค ขณะที่รายใหญ่ใช้วิธีโฆษณาตราสินค้าผ่านน้ำดื่ม โซดา หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ
การที่วิสาหกิจชุมชนต่างๆ หันมาผลิตสุราพื้นบ้านเป็นการลดการสูญเสียและเพิ่มมูลค่าของพืชผลทางการเกษตร ทั้งยังสร้างงานสร้างอาชีพแก่ลูกหลานเกษตรกร ดึงคนรุ่นใหม่กลับมาทำงานที่บ้านเกิด แต่กลับพบปัญหาช่องทางจำหน่ายเนื่องจากไม่สามารถส่งโมเดิร์นเทรดได้เพราะกำลังการผลิตไม่มากพอ นำไปจำหน่ายตลาดนัดก็ไม่ได้เพราะต้องจำหน่ายในสถานที่ที่มีใบอนุญาต
สำหรับวิสาหกิจชุมชนเกษตรปลอดภัยสูงใช้วิธีเชิญชวนท่องเที่ยวเชิงเกษตร ให้ผู้คนมาท่องเที่ยวที่ฟาร์มเมล่อนเพื่อให้ผลิตภัณฑ์ไวน์เป็นที่รู้จักมากขึ้น แต่กฎระเบียบที่ควบคุมอยู่ทำให้ขาดโอกาสในการแข่งขัน โดยไม่ได้หวังถึงขั้นจะแบ่งส่วนแบ่งการตลาดจากรายใหญ่ แต่หวังให้เกษตรกรไทยมีที่ยืนบ้างเท่านั้น
นางสาวปคุณากล่าวเพิ่มเติมว่า หากรัฐบาลปลดล็อกการโฆษณา จะทำให้ผู้บริโภครู้จักสินค้าของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนมากขึ้น แม้จะต้องจ่ายภาษีและเงินอุดหนุนกองทุนเพื่อสังคมเท่าเดิม แต่ถ้าจำหน่ายสินค้าได้มากขึ้น จะทำให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้น.- 512 – สำนักข่าวไทย