ทำเนียบรัฐบาล 19 ธ.ค.-นายกฯ แจ้งข่าวดี ครม. หลังอินโดนีเซียสั่งซื้อข้าวไทย 2 ล้านตันปีหน้า กำชับงานหลายกระทรวงก่อนลาพักผ่อน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้แจ้งต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการเดินทางเข้าร่วมประชุมสุดยอดอาเซียน-ญี่ปุ่น สมัยพิเศษ เมื่อวันที่ 14-18 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยเรื่องแรกไทยได้จัดการเรื่องการขายและส่งมอบข้าวให้กับประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งหลังการพูดคุยกันกัน เมื่อวานนี้(18 ธ.ค.) อินโดนีเซียได้ออกจดหมายต้องการซื้อข้าวจำนวน 2 ล้านตันภายในสิ้นปีหน้า ซึ่งถือเป็นข่าวดี
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สั่งการให้กระทรวงต่างประเทศ เร่งรัดการสร้างสถานกงสุลที่เสียมเรียบ ที่ได้ตกลงกับทางกับพูชาแล้ว ซึ่งเป็นเมืองท่องเที่ยวหลัก พร้อมทั้งสั่งการให้น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นเจ้าภาพใหญ่ประชุมร่วมกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องในประเทศกัมพูชา ลาว เวียดนาม ในการประชุมกระตุ้นการท่องเที่ยวในภูมิภาคอาเซียน โดยไทยจะเป็นเจ้าภาพหลัก ทั้งนี้ ในวันที่ 26 ธันวาคมนี้ ตนจะพบปะกับนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย และจะสอบถามถึงความสนใจในการเข้าร่วมประชุมดังกล่าวหรือไม่
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สั่งการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กำกับดูแลการตรวจคนเข้าเมือง ดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยว รวมถึงสั่งการให้กระทรวงมหาดไทย และกรุงเทพมหานคร ดูแลเรื่องความสะอาด และจัดเตรียมห้องน้ำให้เพียงพอสำหรับนักท่องเที่ยว อีกทั้งยังสั่งการให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกัน(คปภ.) ให้ดูแลทำประกันภัยสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคนให้ครอบคลุมการเสียชีวิต ชดเชยไม่เกิน 1 ล้านบาท
“ส่วนกรณีอุบัติเหตุ ชดเชยให้ตามจริง แต่ไม่เกิน 500,000 บาท รวมถึงให้หารือร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข ให้จัดระเบียบบริการสาธารณสุข และประกันสุขภาพสำหรับนักท่องเที่ยว หากมีความจำเป็นต้องใช้งบประมาณก็ให้เร่งเสนอไปตามขั้นตอน และขอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศประชุมมอบนโยบายกับหน่วยงานของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ทั้ง 30 แห่งทั่วประเทศ ทำงานเชิงรุก และให้ความรู้ ช่วยกันประสัมพันธ์ว่าประเทศไทยดีอย่างไร” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้สั่งการกระทรวงพลังงานเร่งรัดติดตามการหาพลังงานทดแทน โดยต้องกำหนดอัตราค่าบริการไฟฟ้าสีเขียว หรือ Utility Green Tariff รวมถึงการพิจารณาส่งเสริมพลังงานสะอาด จากแหล่งเงินทุนจากต่างชาติ โดยต้องกำหนดอัตราให้ได้ว่าจะใช้จำนวนเท่าไหร่ ส่วนกระทรวงคมนาคม ให้ดูพื้นที่ว่างที่สถานีบางซื่อ เพื่อจัดทำศูนย์แสดงสินค้าโอทอป หลังจากได้แนวคิดมาจากประเทศญี่ปุ่น ก็จะเร่งดำเนินการต่อไป
“ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบเรื่องการแก้ไขปัญหาหนี้สิน คือ พักหนี้เอสเอ็มอี ช่วยเหลือหนี้นอกระบบ ลูกหนี้รายย่อยที่เกิดจากวิกฤตโควิดที่ผ่านมา รวมถึงการสนับสนุนการใช้รถยนต์อีวี ตามมาตรการอีวี 3 และ 3.5 และขยายสิทธิประโยชน์ด้านสรรพสามิตให้กับรถอีโคคาร์ หรือรถที่ยังเป็นสันดาป รวมทั้งเห็นชอบให้แก้ไขเรื่องของฝุ่น PM 2.5 โดยให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมร่วมกับหน่วยงานอื่น และจัดตั้งตัวตัวชี้วัด เพื่อให้ได้วัดผลอย่างจริงจัง เพราะกำลังจะเข้าสู่ฤดูที่จะมีฝุ่น PM2.5 เป็นจำนวนมาก” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ส่วนการหารือกับนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้พูดคุยถึงการใช้พลังงานในพื้นที่ทับซ้อนหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้พูดคุยกันว่าขั้นตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร แต่ขอให้มีรายละเอียดที่ดี ที่พร้อมก่อนแล้วจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังการให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนเสร็จสิ้น นายกรัฐมนตรีได้ขึ้นรถออกจากทำเนียบรัฐบาล เนื่องจากตั้งแต่ช่วงบ่ายของวันนี้ ไปจนถึงช่วงเที่ยงของวันที่ 22 ธันวาคมนี้ นายกรัฐมนตรีได้ลาพักผ่อน เพื่อใช้เวลาอยู่กับครอบครัว.-316.-สำนักข่าวไทย