กาญจนบุรี 9 ธ.ค. – นายกฯ เยี่ยมชมศูนย์โอท็อปกาญจนบุรี ยิ้มแก้มปริ ประชาชนมอบเสื้อฟุตบอล Dragon FC ขณะที่ “เศรษฐา” อวยพรขึ้นลีก 1 ฤดูกาลหน้า ก่อนนำถกภาพรวมแก้ปัญหาพื้นที่ พร้อมกำชับต่อไปนี้ รมต.ต้องลงพื้นที่ครบ ซัดผู้ว่าฯ ททท. บอกให้ลงมาดูจังหวัดที่เดือดร้อน อย่าไปแต่จังหวัดใหญ่ เที่ยวต่างประเทศ ขอให้ความสำคัญการจับจ่าย-ระยะเวลาอยู่ท่องเที่ยว อย่าตะแบงแต่จำนวน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมคณะ เดินทางมายังองค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี เป็นประธานการประชุมหารือแนวทางการพัฒนาและแก้ไขปัญหาภาพรวมจังหวัดกาญจนบุรี พร้อมเยี่ยมชมนิทรรศการสินค้า OTOP และสินค้าวิสาหกิจชุมชน ณ องค์การบริหารส่วนจังหวัดกาญจนบุรี ตำบลท่ามะขาม
ทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้เดินชมสินค้าโอท็อปประจำจังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งระหว่างนั้นได้มีประชาชนมอบเสื้อฟุตบอลสีแดง ของสโมสร DP Kanchanaburi FC หรือ Dragon FC ด้านหลังสกรีนชื่อ เศรษฐา ทวีสิน หมายเลข 30 โดยนายกรัฐมนตรีได้สอบถามว่า ขณะนี้สโมสรอยู่ในดิวิชันใด ประชาชนจึงตอบว่า ลีก 2 นายกฯ จึงอวยพรขอให้ขึ้นลีก 1 ในฤดูกาลหน้า
ขณะเดียวกัน มีประชาชนมอบผ้าขาวม้าคล้องคอ อวยพรขอให้นายเศรษฐา เป็นนายกรัฐมนตรีนานๆ จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ทดลองตำและชิมขนมทองโย๊ะ ซึ่งเป็นขนมพื้นเมืองของชาวกะเหรี่ยง ในพื้นที่ อ.สังขละบุรี อ.ทองผาภูมิ และ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ซึ่งเป็นพื้นที่ติดตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้พบปะกับพี่น้องเกษตรกรชาวไร่อ้อย เพื่อรับมอบดอกไม้ให้กำลังใจ พร้อมกับขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่มาติดตามปัญหาชาวไร่อ้อยในพื้นที่ โดยชาวบ้านยังถือป้ายรอต้อนรับ ระบุว่า “ขอบคุณ ฯพณฯ เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่ได้อนุมัติค่าตัดอ้อยสด ตันละ 120 บาท เพื่อช่วยชาวไร่อ้อย” และ“ชาวไร่อ้อยร่วมใจตัดอ้อยสด เพื่อลดฝุ่น PM 2.5 ตามนโยบายรัฐ”
ระหว่างเดินชม นายกรัฐมนตรี ยังให้ความสนใจกับผลิตภัณฑ์โกโก้ ซึ่งเป็นของยังสมาร์ทฟาร์มเมอร์ โดยรัฐบาล กระทรวงอุตสาหกรรม มีแนวคิดที่จะให้แปรรูปเพิ่มมูลค่า ซึ่งตัวแทนเกษตรกรกล่าวว่า พื้นที่กาญจนบุรียังต้องการโรงงานแปรรูปอยู่
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้ประชุมหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อรับฟังปัญหาภายในพื้นที่ ทั้งปัญหาที่ดินทับซ้อน การออกโฉนดที่ดินทำกิน โดยระบุว่า จากที่ฟังบรรยายสรุปแล้วมีความรู้สึกอย่างหนึ่งว่า ผู้บริหารที่นี่ทำงานเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ถือว่าเป็นแบบอย่างที่ดี พร้อมกับชมผู้ว่าราชการจังหวัดฯ และนายก อบจ. ที่ทำงานเพื่อประชาชน โดยอย่าคิดว่าเป็นพรรคไหน ทำงานร่วมกันอย่างเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน เอาความต้องการและความเดือดร้อนของประชาชนเป็นที่ตั้ง ซึ่ง จ.กาญจนบุรี ความพร้อมทุกอย่างมีหมด
ส่วนการแก้ไขปัญหาการจัดสรรที่ดิน มีปัญหาตั้งแต่ปี 2481 ซึ่งขอสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ผบ.ทสส. มหาดไทย ช่วยไปพูดคุยกันให้จบ เพราะปัญหานี้มีมายาวนาน ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่มาถึงแล้วก็อยากให้จบที่รุ่นนี้ ตนขอฝากผู้ว่าราชการจังหวัดไว้ด้วย หากสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องที่ดินทำกินได้ ตนเชื่อว่าแปลงสินทรัพย์ให้เป็นทุนได้อย่างดี ควบคู่ไปกับนโยบายหลักของรัฐบาลที่จะจัดการหนี้นอกระบบให้หมด หากทุกภาคส่วนช่วยกันทำงานเต็มที่ ตนจะช่วยอยู่เบื้องหลัง พยายามให้จบให้ได้ภายในรุ่นนี้ เพื่อให้มีสินทรัพย์เป็นทุน เนื่องจากศักยภาพภายใน จ.กาญจนบุรี นั้นเหลือล้น เป็นจังหวัดท็อป 5 ของประเทศได้อย่างสบาย
สำหรับการบริหารจัดการน้ำ ต้องไม่ท่วม ไม่แล้ง แต่พื้นที่นี้ส่วนใหญ่เป็นปัญหาน้ำแล้งมากกว่า หากไม่แล้งเสียอย่าง ตนเชื่อว่าผลิตภัณฑ์ทางด้านการเกษตรและรายได้ต่อหัวจะขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เรามีแหล่งน้ำอยู่จำนวนมาก พร้อมกับมอบนโยบายให้ปล่อยปลาตามแหล่งน้ำ ที่ตรงกับความต้องการของตลาด เพื่อสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้นเล็กๆ น้อยๆ
ส่วนศักยภาพทางการค้าในชายแดนศุลกากร พื้นที่นี้มีความเสียเปรียบจากหัวเมืองหลัก เนื่องจากความไม่สงบในประเทศเพื่อนบ้าน เพราะฉะนั้น การค้าทางด้านตะวันออกที่ติดกับประเทศลาวค่อนข้างดีมาก แต่ตนไม่อยากให้ชาวจังหวัดกาญจนบุรีนั้นหมดหวัง ประเทศเมียนมามีประชากรเท่าๆ เรา 70 ล้านคน แต่ปัญหาภายในก็หนักหนาอยู่ เราเองเราชัดเจนวางตัวเป็นกลาง ไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง รักษาไว้ซึ่งสิทธิมนุษยชน ความปลอดภัยของผู้บริสุทธิ์ เป็นหน้าที่ของความมั่นคงและกระทรวงการต่างประเทศ ที่ต้องมีส่วนร่วม ซึ่งหากถามว่า ทำไมตนถึงพูดตรงนี้ขึ้นมา ประเทศไทยมีประชากร 70 ล้านคน เท่ากันกับเมียนมา หากทำตัวเป็นศูนย์กลางในการเจรจาให้เกิดความสงบสุขได้ ชายแดนไทยกับเมียนมา 2,000 กิโลเมตร ถ้าเขาไม่มีปัญหา เราก็ไม่มีปัญหา การค้าชายแดนจะบูม เรามีท่าเรือ เรามีสนามบินที่มีศักยภาพแล้ว
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการท่องเที่ยวว่า แปลกใจที่ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี บอกว่า จ.กาญจนบุรี เป็นอันดับ 3 ที่มีนักท่องเที่ยวเข้ามา ซึ่งเป็นเรื่องของจำนวนคน และตนเคยบอกไปแล้วว่า เรื่องจำนวนคนเป็นเรื่องรอง แต่เรื่องใหญ่คือการจับจ่ายใช้สอยและระยะเวลาที่อยู่ ที่ผู้ว่าฯ บอกว่า นักท่องเที่ยวต่อ 1 คน ใช้เงินแค่ 1,000 กว่าบาท 1,000 กว่าบาท บางทีโรงแรมหนึ่งคืนยังไม่ได้เลย แสดงว่าเขามาเช้าเย็นกลับและมาอยู่ที่กรุงเทพฯ โดยไม่ค้างที่เมืองกาญจน์ โรงแรมที่ จ.กาญจนบุรี มีตั้ง 600 กว่าโรงแรม และโรงแรมดีๆ ก็มีเยอะ ฝากทีมงานให้ไปพูดคุยกับผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย มัวแต่ไปอังกฤษ ไปเบอร์ลิน อยากให้มาดูหน่อย มาดูจังหวัดกาญจนบุรี มาดูแลจังหวัดที่เดือดร้อนหน่อย แต่ไปจังหวัดใหญ่ๆ เชียงใหม่ ภูเก็ต จังหวัดแบบนี้อันซีน
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรี ยังถามถึง ททท.จังหวัดกาญจนบุรี ฝากให้ดูเรื่องการท่องเที่ยว เพราะท่านก็ทราบว่าจังหวัดนี้ศักยภาพสูงขนาดไหน อย่าตะแบงแค่ตัวเลขอย่างเดียว คนมาเยอะไม่ช่วย รายได้ รายจ่ายต่อหัว ระยะเวลาที่อยู่ ระยะเวลาท่องเที่ยว ต้องลงพื้นที่ให้หนัก มาพูดคุยกับผู้บริหารจังหวัด ผู้ว่าราชการจังหวัด สส. เชื่อว่าทุกคนมีแรงบันดาลใจ เพราะที่บรรยายมา 30% เป็นเรื่องของการท่องเที่ยว ซึ่งนโยบายการท่องเที่ยว รัฐบาลถือเป็นเรื่องสำคัญ.-316-สำนักข่าวไทย