สั่งสอบกรณีโรงพยาบาลไม่รับผู้ป่วยฉุกเฉินสิทธิราชการ

26 พ.ย.- เลขาธิการ สพฉ. สั่งตรวจสอบกรณีโรงพยาบาลไม่รับผู้ป่วยฉุกเฉินสิทธิราชการ ย้ำ ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤติ มีสิทธิได้รับการช่วยเหลือตามกฎหมายและนโยบาย UCEP เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ มีสิทธิทุกที่


จากกรณีเหตุการณ์ ที่มีตำรวจนายหนึ่งประสบอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พลิกคว่ำได้รับบาดเจ็บสาหัส เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าให้การช่วยเหลือ นำส่งโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่ใกล้เคียง และให้ข้อมูลว่าทางโรงพยาบาลปฏิเสธให้การรักษาเนื่องจากเป็นสิทธิข้าราชการ ให้นำผู้บาดเจ็บไปส่งโรงพยาบาลรัฐที่อยู่ไกลออกไป จนภายหลังผู้บาดเจ็บเสียชีวิต เหตุเกิดในพื้นที่จังหวัดสมุทรปราการ เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน ที่ผ่านมานั้น

นาวาเอก (พิเศษ) นายแพทย์พิสิทธิ์ เจริญยิ่ง รองเลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ในฐานะโฆษก สพฉ. กล่าวว่า ประเด็นดังกล่าวทาง สพฉ. ได้รับรายงานข้อมูลในเบื้องต้น และเลขาธิการ สพฉ. เรืออากาศเอกนายแพทย์อัจฉริยะ แพงมา ได้สั่งการให้สำนักบริหารจัดการระบบการแพทย์ฉุกเฉินพื้นที่ 3 ร่วมกับกลุ่มกฎหมายการแพทย์ฉุกเฉิน ของ สพฉ. ประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อรวบรวมข้อมูลเพิ่มเติม โดยถือเป็นเรื่องร้องเรียนที่ผู้ป่วยฉุกเฉินต้องได้รับการคุ้มครองสิทธิของผู้ป่วย


โฆษก สพฉ. กล่าวต่อว่า ตามประกาศคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน เรื่อง อำนาจหน้าที่ ขอบเขต ความรับผิดชอบ และข้อจำกัดของสถานพยาบาลในการปฏิบัติการฉุกเฉิน พ.ศ. 2557 ได้กำหนดให้ สถานพยาบาลควบคุมดูแลผู้ปฏิบัติการให้ดําเนินการการปฏิบัติการฉุกเฉินต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน เป็นไปตามความจําเป็นและข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ฉุกเฉิน โดยมิให้นําสิทธิการประกัน การขึ้นทะเบียน สถานพยาบาล หรือความสามารถในการรับผิดชอบค่าใช้จ่ายของผู้ป่วยฉุกเฉินหรือเงื่อนไขใด ๆ มาเป็น เหตุปฏิเสธผู้ป่วยฉุกเฉินให้ไม่ได้รับการปฏิบัติการฉุกเฉินอย่างทันท่วงที เช่น การเรียกเก็บเงินทั้งหมด หรือบางส่วน หรือการลงนามรับสภาพหนี้ก่อนให้การปฏิบัติการฉุกเฉินแก่ผู้ป่วยฉุกเฉิน การให้ผู้ป่วยลงชื่อ สละสิทธิการรักษาใด ๆ เป็นต้น นอกจากนี้ ประกาศคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน เรื่อง ข้อกำหนดว่าด้วยสถานพยาบาล พ.ศ. 2554 ได้กำหนดว่า ในกรณีมีเหตุฉุกเฉินหรือเหตุภยันตรายต่อผู้ป่วยฉุกเฉิน ซึ่งหากปล่อยไว้เช่นนั้นจะเป็นอันตรายต่อชีวิตหรือการรุนแรงขึ้นของการบาดเจ็บหรืออาการป่วยของผู้ป่วยฉุกเฉินได้  ให้สถานพยาบาลมีอำนาจหน้าที่ดำเนินการตามาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2551 โดยหากสถานพยาบาลใดฝ่าฝืน ให้ สพฉ. รวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเสนอ คณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อพิจารณาดำเนินการตามมาตรา 31 มาตรา 32 และมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติการแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2551

ซึ่งปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายในการคุ้มครองผู้ป่วยฉุกเฉิน และได้ดำเนินโครงการ “เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤติ มีสิทธิทุกที่” เพื่อให้ผู้ป่วยฉุกเฉินวิกฤตสามารถเข้ารับการรักษาพยาบาลจากสถานพยาบาลทุกแห่งที่ใกล้ที่สุดได้ โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย ภายใน 72 ชม. หรือสามารถเคลื่อนย้ายได้อย่างปลอดภัย จากกรณีดังกล่าว สพฉ. จะดำเนินการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน กรณีที่มีมูลความผิดตามกฎหมายการแพทย์ฉุกเฉินดังที่กล่าวไว้ข้างต้น สพฉ. จะได้เสนอคณะกรรมการการแพทย์ฉุกเฉิน เพื่อพิจารณาดำเนินการตามกฎหมายต่อไป ขอเรียนให้ทุกท่านทราบว่าหากประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมในการเข้าถึงสิทธิการรักษาในกรณีฉุกเฉิน หรือพบเห็นการปฏิบัติงานของผู้ปฏิบัติการ หน่วยปฏิบ้ติการหรือสถานพยาบาลที่ไม่เป็นมาตรฐานโปรดแจ้งมาที่ สพฉ. หมายเลข 028721669 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เพลิงไหม้โรงอบลำไย อ.แม่สรวย จ.เชียงราย

เพลิงไหม้โรงงานอบลำไย อ.แม่สรวย จ.เชียงราย เจ้าหน้าที่เร่งนำรถดับเพลิงเข้าระงับเหตุ เพื่อควบคุมเพลิงไม่ให้ลุกลามไปยังพื้นที่ใกล้เคียง เบื้องต้นยังไม่สามารถประเมินความเสียหายได้

พุ่งไม่หยุดราคาทองคำโลกนิวไฮอีก คาดไปต่อถึง 3 พันดอลลาร์/ออนซ์

ราคาทองคำตลาดโลกพุ่งแตะ 2,800 ดอลลลาร์สหรัฐ/ออนซ์ นักวิเคราะห์คาดมีโอกาสพุ่งต่อถึง 3,000 ดอลลาร์/ออนซ์ ส่งผลราคาทองไทยวันนี้ขึ้นต่อจากราคาปิดวานนี้ และทำนิวไฮเท่าวานนี้

ข่าวแนะนำ

ศึกชิงทำเนียบขาว 2024 : คอมมาลา แฮร์ริส

รายงานศึกชิงทำเนียบขาว 2024 พาไปรู้จักกับนางคอมมาลา แฮร์ริส ที่เพิ่งได้เป็นตัวแทนพรรคเดโมแครต ไม่กี่เดือนก่อนเลือกตั้ง เปรียบเหมือนการเปลี่ยนม้าใหม่กลางศึก หากชนะได้เธอจะกลายเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของสหรัฐด้วย

เปิดโครงการ “เดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต” ครั้งที่ 10

นายกฯ ควง “คุณหญิงพจมาน-ครอบครัว” นำ ครม.-ประชาชน ร่วมโครงการเดิน วิ่ง ปั่น ป้องกันอัมพาต ครั้งที่ 10 เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

สาว อบต.ตกใจ ตำรวจตามรอยเงิน 39 ล้านบาท ที่แท้ชื่อซ้ำกัน

สาว อบต. ตกใจ ตำรวจมาถึงที่ทำงาน ถามถึงเงิน 39 ล้านบาท ที่แท้ชื่อซ้ำกัน ยันไม่เคยรู้จัก “มาดามอ้อย-ทนายตั้ม” มาก่อน