ดีเอสไอ 24 พ.ย. – ดีเอสไอพร้อมสรุปคดีหุ้น STARK ส่งอัยการสิ้นเดือน พ.ย.นี้ ส่วนคดีหุ้น More เตรียมแจ้งข้อหาอีก 28 คน ต้นเดือน ธ.ค. แบ่งเป็นปั่นหุ้นและฉ้อโกงฯ
พ.ต.ท.จักรกฤษณ์ วิเศษเขตการณ์ ผู้อำนวยการกองคดีการเงินการธนาคารและการฟอกเงิน แถลงคืบหน้าคดีทุจริตในหุ้นบริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) รับเป็นคดีพิเศษเมื่อ 20 มิถุนายน 2566 มีผู้เสียหายทั้งสิ้นจำนวน 4,704 ราย มูลค่าความเสียหายจำนวน 14,778 ล้านบาท ขณะนี้ได้ดำเนินการสอบสวนใกล้เสร็จสิ้น โดยคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการสอบปากคำผู้กล่าวโทษ จำนวน 5 ราย สอบปากคำพยานบุคคลรวมจำนวน 157 ราย แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาจำนวน 11 ราย ในความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 ฐานตกแต่งบัญชีและงบการเงิน และฐานฉ้อโกงประชาชน รวมถึงความผิดตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 และได้ออกหมายจับนายชนินทร์ เย็นสุดใจ เพื่อติดตามจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมาย รวมทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษได้นำส่งทรัพย์สินจากการยึด/อายัด กว่า 400 ล้านบาท ไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน เพื่อดำเนินการในทางทรัพย์สินตามกฎหมายฟอกเงิน ส่วนการสอบผู้ตรวจสอบบัญชี อยู่ระหว่างรอสภาวิชาชีพอยู่ว่ามีการดำเนินตามมาตรฐานหรือไม่ โดยจะสรุปสำนวนคดีหุ้นสตาร์คส่งอัยการภายในสิ้นเดือนนี้
ส่วนความคืบหน้าคดีหุ้น บริษัท มอร์ รีเทิร์น จำกัด (มหาชน) ในระหว่างวันที่ 18 ก.ค.-10 พ.ย.65 (ช่วง pre-open) มีกลุ่มบุคคลรวม 32 ราย ร่วมกันสร้างราคา หรือปริมาณการซื้อขายหลักทรัพย์ MORE อย่างต่อเนื่อง ในลักษณะแบ่งหน้าที่กันทำ มีมูลค่าความเสียหายประมาณ 800,000,000 บาท
คณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษได้ดำเนินการสอบปากคำผู้กล่าวหา คือ สำนักงาน ก.ล.ต. ผู้รับมอบอำนาจ และบริษัทหลักทรัพย์ 10 แห่ง ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีจำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน) บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนดาโอ จำกัด บริษัท ทรีนีตี้ วัฒนา จำกัด (มหาชน) บริษัท อินโนเวสท์เอ็กซ์ จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ คิงส์ฟอร์ด จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด บริษัท หลักทรัพย์ เอเชีย เวลท์ 2023 จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ บริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) แจ้งข้อกล่าวหาผู้ต้องหาจำนวน 4 ราย สอบปากคำพยาน รวม 77 ราย ได้แก่ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พยานที่ยืนยันความสัมพันธ์ของกลุ่มผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่บริษัทหลักทรัพย์ ได้ส่งข้อมูลทรัพย์สินให้สำนักงาน ปปง. ได้ทำการอายัดบัญชีทรัพย์สิน 34 รายการ รวมเป็นเงินประมาณ 4 พันล้านบาท และนายกรัฐมนตรีได้แต่งตั้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจากกองบัญชาการสอบสวนกลางมาปฏิบัติหน้าที่ในกรมสอบสวนคดีพิเศษเพื่อช่วยเหลือในการสืบสวนและสอบสวนคดีพิเศษ ตามมาตรา 33 แห่ง พ.ร.บ.การสอบสวนคดีพิเศษฯ โดยจะมีการประชุมร่วมกันในสัปดาห์หน้านี้ ซึ่งแบ่งเป็นความผิดในการปั่นหุ้นและคดีฉ้อโกง โดยก่อนเป็นคดีพิเศษ ตำรวจได้ตั้งข้อหาไปแล้ว 4 ราย ส่วนอีก 28ราย ดีเอสไอ จะแจ้งให้มารับทราบข้อกล่าวหาช่วงต้นเดือนธันวาคม
สำหรับกรณีหุ้นกู้ JKN ที่มีผู้เสียหายจำนวนมาก มูลค่าหุ้นกู้ 3,200 ล้านบาท มาร้องทุกข์ต่อดีเอสไอ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนระหว่างเสนอผู้บังคับบัญชา พิจารณาต่อไป. -สำนักข่าวไทย