กรุงเทพ 24 พ.ย.-“บางจาก”จัดสัมมนา Greenovative Forum ครั้งที่ 13 โดยชู”คลีน โมเลกุล” เป็นทางเลือกในการใช้พลังงานอนาคต พร้อมอัพเดท การก่อสร้างโรงงานกลั่นน้ำมันใช้แล้วเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงเครื่องบิน ขณะนี้โรงงานมีความคืบหน้าประมาณ 30% คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงสิ้นปี 2567 และเดินเครื่องผลิตน้ำมันเครื่องบินได้ในกลางปี 2568
บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) จัดงานสัมมนา Greenovative Forum ครั้งที่ 13 ในหัวข้อ Regenerative Fuels:Sustainable Mobility เพื่อนำเสนอประเด็นเกี่ยวกับเชื้อเพลิงอนาคตเพื่อตอบโจทย์การเดินทางอย่างยั่งยืนนายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจากและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวในงานสัมมนาว่า โลกเราบริโภคพลังงานต่อวัน 1.7 ล้านล้านล้านจูนต่อวัน หรือเปรียบเทียบได้กับพลังงานที่ใช้ในเครื่องบินแอร์บัส 320 บินรอบโลกวันละ 3.5 แสนรอบต่อวัน หรือการเดินทางไปกลับระหว่างโลกกับดวงจันทร์ วันละ 37,000 รอบ นี่คือพลังงานที่เราใช้ต่อวัน แล้วเราจะนำพลังงานมาจากไหน เราบริโภคน้ำมัน 220 ล้านบาร์เรลต่อวัน ถ้าเปรียบเทียบกับการบริโภคน้ำ เท่ากับ น้ำ 35,000 ล้านลิตรต่อวัน ประชากรโลกมีทั้งหมด 8,000 ล้านคน เท่ากับคนหนึ่งจะบริโภคน้ำมัน 4.4 ลิตรต่อวัน ขณะที่เราบริโภคน้ำ 2 ลิตรต่อวัน จะเห็นว่าเราใช้พลังงานเยอะมาก โดยน้ำมัน 1 ลิตรหรือน้ำหนัก 1 กิโลกรัม รถยนต์จะวิ่งได้ 15 กิโลเมตร แต่ถ้าเป็นแบตเตอรี่ หนัก 1 กิโลกรัม รถยนต์จะวิ่งได้ไม่ถึง 1 กิโลเมตร ถ้าจะให้รถยนต์วิ่งได้ 15 กิโลเมตร จะต้องใส่แบตเตอรี่น้ำหนัก 15 กิโลกรัมเข้าไป ดังนั้นน้ำมันจึงยังเป็นที่นิยม ประชากรโลกส่วนใหญ่จะอยู่ในทวีปเอเชีย โดยน้ำมันส่วนใหญ่จะอยู่ตามชายฝั่ง อยู่ในทะเลลึก ต้องมีการเคลื่อนย้าย การเคลื่อนย้ายพลังงานที่ง่ายที่สุด ถ้าเป็นก๊าซจะส่งไปตามท่อ แต่ถ้าเป็นของเหลวจะใช้รถยนต์ขนส่งหรือรถไฟก็ได้ ถ้าเป็นถ่านหินจะขนส่งค่อนข้างลำบาก ถ้าเป็นอิเล็กตรอนจะส่งมาตามสาย ซึ่งสิ่งที่เราคุยกันอยู่คือ กรีน อิเล็กตรอน คือ การผลิตอิเล็กตรอนจากพลังงานหมุนเวียน ถ้าเราต้องการพลังงานหมุนเวียนจาก ดิน น้ำ ลม ไฟ พลังงานแสงอาทิตย์ เช่น สมมติว่าการใช้พลังงาน 220 ล้านบาร์เรลต่อวัน จะต้องสร้างเขื่อนภูมิพลถึง 1 แสน 3 หมื่นเขื่อนภูมิพลเพื่อมาใช้เป็นพลังงานใน 1 วัน และเราต้องนำพลังงานเหล่านี้มาให้ผู้บริโภคในเมือง เราต้องสร้างสายไฟแรงสูงอีก 320 ล้านกิโลเมตร หรือ การพันสายไฟรอบโลก 8,000 ครั้ง
นายชัยวัฒน์ ได้นำเสนอประเด็นเกี่ยวกับเชื้อเพลิงอนาคตเพื่อตอบโจทย์การใช้พลังอย่างยั่งยืน คือ “คลีน โมเลกุล”หรือ เชื้อเพลิงในรูปของเหลวที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น Biofuel,Sustainable Fuel,E-Fuel และ Green Ammonia โดย คลีน โมเลกุล จะเป็นทางเลือกในการใช้พลังงานมากกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับพลังงานในรูปอิเล็กตรอน ซึ่งผลการศึกษาของ EIA ในปี 2022 พบว่า เชื้อเพลิงในรูปของเหลวมีสัดส่วน 94% ก๊าซ 5% และไฟฟ้า 1% ส่วนในปี 2030 จะปรับเชื้อเพลิงในรูปของเหลวลดลงในสัดส่วน 91% ก๊าซ 4% และไฟฟ้า 5% ขณะที่ในปี 2050 จะปรับเชื้อเพลิงของเหลว เหลือ 65% ก๊าซ 9% และไฟฟ้า 27%
ทั้งนี้ ซีอีโอของบางจาก มองว่า การใช้คลีน โมเลกุล มีต้นทุนที่ต่ำกว่าและจะขนส่งได้ง่ายกว่า ซึ่ง ณ เวลานี้ ทางบางจาก ได้เดินหน้าเรื่อง Sustainable Fuel คือ โครงการ”ทอดไม่ทิ้ง” เพื่อนำน้ำนันที่ใช้ในการทอดอาหาร หรือ น้ำมันทอดที่ใช้แล้วนำมาผลิตเป็นเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน หรือ SAF โดยบางจากกำลังสร้างโรงงานกลั่นน้ำมันใช้แล้วเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงเครื่องบิน ขณะนี้โรงงานมีความคืบหน้าประมาณ 30% คาดว่าจะแล้วเสร็จในช่วงสิ้นปี 2567 และเดินเครื่องผลิตน้ำมันเครื่องบินได้ในกลางปี 2568 โดยคาดว่าโรงงานที่สร้างขึ้นจะผลิตน้ำมันเครื่องบินได้วันละ 1 ล้านลิตรซึ่งเครื่องบินที่บินเข้าออกประเทศไทย จะถูกบังคับให้เติมน้ำมันของบางจาก 5% ซึ่งจะรองรับได้พอดี และหากมีการขยับสัดส่วนเพิ่มก็ต้องสร้างโรงงานเพิ่มซึ่งในปี 2050 ทางสหภาพยุโรปให้ผสมได้ 65% แต่ขณะนี้เปลี่ยนใหม่เป็น 70%
นายชัยวัฒน์ กล่าวถึงค่าการตลาดน้ำมันในกลุ่มเบนซินและดีเซลทั่วไป ว่า ที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็น ดีเซลบี7 ,แก๊สโซฮอล์95 E10 ไม่เคยเห็นว่ามีค่าการตลาดสูงถึง 4 บาท โดยเฉลี่ยจะเคลื่อนไหวที่ระดับ 1-2 บาทต่อลิตรเท่านั้น ส่วนจะมีการใช้กฎหมายเข้ามาควบคุมค่าการตลาดขณะนี้ยังไม่ทราบเรื่อง แต่ส่วนตัวเห็นด้วยกับการปรับโครงสร้างราคาน้ำมัน เช่นโครงสร้างภาษีต่าง ๆ ที่จะเห็นผลกระทบต่อราคาเป็นหลักบาท ซึ่งค่าการตลาดที่เคลื่อนไหวขณะนี้ขึ้นลงอยู่ในหลักสตางค์เท่านั้น และหากมีการปรับค่าการตลาดลงมามากอาจจะส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชน เพราะว่าปั้มน้ำมันส่วนใหญ่เป็นดีลเลอร์ เป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่มีการลงทุน ซึ่งหากค่าการตลาดอยู่ในระดับที่ต่ำมากก็อาจได้รับผลกระทบอยู่ไม่ได้. -สำนักข่าวไทย
