กรุงเทพฯ 17 พ.ย. – “บิ๊กโจ๊ก” ยืนยันวันพรุ่งนี้ (18 พ.ย.) อพยพ 200 คนไทย จากเมียนมาไปจีน พร้อมจัดพนักงานสอบสวน 3 กองบัญชาการ ร่วมกระบวนการคัดแยกเหยื่อ
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือคนไทยจากเมืองเล้าก์ก่าย ประเทศเมียนมา ว่าวันพรุ่งนี้ (18 พ.ย.) จะสามารถเคลื่อนย้ายคนไทย 200 คน ในเมียนมา ผ่านเส้นทางที่ปลอดภัยไปยังพื้นที่ประเทศจีน เพื่อเตรียมอพยพกลับประเทศไทย จากนั้นจะมีเครื่องบินพาณิชย์ คือ สายการบินแอร์เอเชีย ที่ทางรัฐบาลประสานงานไว้ไปรับตัวกลับมายังประเทศไทย เบื้องต้นรัฐบาลจะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายให้ก่อน ซึ่งวันพรุ่งนี้ตนเองและคณะทำงานจะเดินทางไปยังคุนหมิง ประเทศจีน เพื่อรับตัวด้วยเช่นกัน
พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ยืนยันว่า การช่วยเหลือไม่มีปัญหา ขอให้ญาติของเหยื่อที่ไปร้องเรียนกับทางสถานทูตจีน ในเช้าวันนี้ (17 พ.ย.) มั่นใจได้ว่าทุกคนจะได้รับการช่วยเหลือกลับมาอย่างปลอดภัย เมื่อคนไทยทั้งหมดกลับมาแล้วจะนำไปเข้าสู่กระบวนการคัดแยกเหยื่อในพื้นที่ที่เตรียมไว้ที่เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร โดยมีพนักงานสอบสวนจากสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง กองบัญชาการตำรวจนครบาล และกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บก.ปคม.) ร่วมสอบปากคำ เพื่อคัดแยกกลุ่มที่เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับ และกลุ่มที่เป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ ออกจากกัน เนื่องจากประสบการณ์การช่วยเหลือคนไทยจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่กัมพูชา พบว่ากว่าร้อยละ 70 เป็นผู้ต้องหา ไม่ใช่เหยื่อ ส่วนด้านสุขอนามัยจะมีแพทย์จากกระทรวงสาธารณสุขดูแลให้
ก่อนหน้านี้ตัวแทนครอบครัวของคนไทยที่ติดอยู่ในสงครามเมืองเล่าก์ก่าย ประเทศเมียนมา 8 คน มายื่นหนังสือที่สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำราชอาณาจักรไทย เพื่อขอให้จีนเปิดรับเหยื่อการค้ามนุษย์และผู้ลี้ภัยไทยในเมืองเล่าก์ก่าย เดินทางผ่านทางชายแดนประเทศจีน-เมียนมา เพื่อลี้ภัยจากสงครามโดยเร็วที่สุด เพื่อลดความสูญเสีย และช่วยให้คนไทยมีโอกาสกลับบ้าน หวั่นว่าวันพรุ่งนี้ (18 พ.ย.) กองทัพเมียนมามีแผนกวาดล้างทุนจีนเทา อาจเป็นอันตราย
คนไทยเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของคนจากหลายชาติที่ถูกล่อลวงไปทำงานที่เมืองเล่าก์ก่าย ซึ่งเป็นศูนย์กลางธุรกิจมืด ขณะนี้มีการจับกุมและออกหมายจับบุคคลหลายตระกูล เชื่อมโยงถึงสถานการณ์ความมั่นคงที่รัฐบาลทหารเมียนมากำลังถูกท้าทายอย่างหนัก
พื้นที่ตอนเหนือของรัฐฉาน ติดกับมณฑลยูนนานของจีน เป็นพื้นที่ที่กลุ่มคนไม่กี่ตระกูลที่มีอำนาจและอิทธิพลประกอบธุรกิจผิดกฎหมาย หนึ่งในนั้นคือ ตระกูลหมิง ที่ทางการเมียนมาจับกุมได้ 4 คน ตามหมายจับของศาลในมณฑลเจ้อเจียงของจีน แต่ปรากฏว่าสำนักข่าวซินหัวของจีน รายงานว่า นายหมิง ซื่อชาง แกนนำของตระกูล ฆ่าตัวตายระหว่างถูกจับกุม
จากการสืบสวนพบว่าตระกูลหมิงทำธุรกิจหลอกลวงออนไลน์ในเมืองเล่าก์ก่ายที่ทำให้ชาวจีนตกเป็นเหยื่อมากมาย นอกจากนี้ยังก่อคดีฆาตกรรมและอาชญากรรมร้ายแรงมากมาย โดยนายหมิง ซื่อชาง ที่ฆ่าตัวตายไปนั้นเคยเป็น สส.สังกัดพรรคสหสามัคคีและการพัฒนา หรือยูเอสดีพี ซึ่งเป็นพรรคที่สนับสนุนกองทัพเมียนมาด้วย สำหรับผู้ต้องหาที่เหลือนั้นกำลังถูกส่งตัวไปพิจารณาคดีในจีนต่อไป
นอกจากตระกูลหมิงแล้ว ยังมีอีกตระกูลที่มีอิทธิพลในรัฐฉาน คือ ตระกูลไป่ ซึ่งจีนได้ออกหมายเช่นกัน คือ นายไป่ อิงคัง ซึ่งเป็นลูกชายของอดีตประธานเขตปกครองตนเองโกก้าง ด้วยข้อหาอาชญากรรมไซเบอร์เช่นกัน ล่าสุดทางการเมียนมาได้ออกหมายจับเขาเช่นกัน จากที่ได้ชื่อว่าเป็นหัวหน้ากองกำลังที่มีความโหดร้าย โดยโรงแรมแห่งหนึ่งของตระกูลไป่ ในเมืองชินส่วยฮ่อ ถูกกองกำลังชาติพันธุ์ในนามพันธมิตร 3 พี่น้อง เข้าโจมตีเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม ถือเป็นจุดเริ่มต้นของปฏิบัติการ 1027 ที่ทำให้กลุ่มกองกำลังชาติพันธุ์อื่นๆ ในเมียนมา ลุกฮือขึ้นต่อต้านกองทัพรัฐบาลในหลายพื้นที่ในช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา
ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า รัฐบาลเมียนมากำลังอยู่ในสถานการณ์ล่อแหลมที่สุดตั้งแต่ยึดอำนาจมาเมื่อเกือบ 3 ปีก่อน ทหารรัฐบาลต้องสูญเสียฐานที่มั่นในหลายรัฐ เช่น กะยา กะเหรี่ยง ชิน มอญ และยะไข่ สหประชาชาติประเมินว่ามีผู้ที่ต้องพลัดถิ่นฐานแล้วกว่า 200,000 คน.-สำนักข่าวไทย