กระทรวงการต่างประเทศ 17 พ.ย.-โฆษก กต. เผย รมช.อิหร่าน เยือนไทย 22-23 พ.ย.นี้ เตรียมหารือช่วยคนไทยในอิสราเอล ยอมรับเงื่อนไขใหญ่สุด คือ เจรจาหยุดยิงชั่วคราว ระบุอยากได้ยินข่าวดี แต่มีเงื่อนไขที่ต้องจำกัด
นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการเยือนไทยของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน ด้านการเมือง ว่า จะมีกำหนดการเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในวันที่ 22-23 พ.ย.นี้ ที่ผ่านมาประเทศไทยและอิหร่านได้มีการเยือนระดับสูงกันพอสมควร ตั้งแต่ปี 2559 มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาอย่างยาวนานกว่า 400 ปี ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา กับจักรวรรดิเปอร์เซีย ซึ่งการเยือนประเทศไทยในครั้งนี้ เพื่อดำเนินความร่วมมือหลายรอบ ทั้งการค้าและการเมือง รวมถึงสถานการณ์ในภูมิภาคตะวันออกกลางด้วย
ส่วนสถานการณ์ในอิสราเอล ล่าสุดตัวเลขผลกระทบต่อคนไทย ผู้เสียชีวิตที่มีการยืนยัน 39 ราย โดยได้ส่งร่างผู้เสียชีวิตกลับไทยครบถ้วนแล้ว ผู้บาดเจ็บอยู่ระหว่างรักษาพยาบาล 3 ราย ทั้งนี้ ทูตไทยและทูตฝ่ายแรงงานได้ไปเยี่ยมคนไทยตลอด ไม่มีประเด็นต้องห่วงกังวลว่าจะไม่ดูแล หลังเกิดกระแสข่าวในโซเชียลฯ ว่าไม่ดูแลคนไทย ขณะที่ผู้ถูกจับเป็นตัวประกัน 25 ราย
“มีเงื่อนไขที่เป็นเงื่อนไขค่อนข้างใหญ่ คือ ทางฝ่ายฮามาสบอกว่า จะปล่อยตัวประกัน ถ้าอิสราเอลหยุดยิง ฝ่ายอิสราเอลก็บอกว่าไม่หยุด จนกว่าจะปล่อยตัวประกันทั้งหมด ก็เป็นเงื่อนไขไปมาอย่างนั้น แต่ถ้าติดตามสถานการณ์ จะพบว่าสถานการณ์จำกัดอยู่บริเวณรอบฉนวนกาซา และมีการยิงโต้ตอบระหว่างฮิซบุลเลาะห์กับอิสราเอลอยู่บ้าง เราก็รอดูอยู่ว่าจะมีการปล่อยตัวประกันเมื่อไหร่ เพราะจะมีช่วงที่เรียกว่า Humanitarian Pause เป็นช่วงที่หยุดยิงสั้นๆ ให้มีการส่งความช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม หรือเคลื่อนอพยพบ้าง” นางกาญจนา กล่าว
ขณะที่การให้ความช่วยเหลือที่ได้รับผลกระทบ โดยระหว่างวันที่ 4-15 พฤศจิกายน 2566 มีคนไทยมาขอความช่วยเหลือ รวม 251 ราย โดยสถานทูตได้สำรองตั๋ว ทำเอกสารเดินทางฉุกเฉินและนำส่งสนามบิน รวม 68 ราย ให้คำแนะนำผ่านโทรศัพท์ 156 ราย ให้คำแนะนำผ่านช่องทางโซเชียลอื่น 28 ราย และเมื่อวานส่งร่างคนไทยเสียชีวิตอีก 5 ร่าง รวมเป็น 39 ร่าง
นอกจากนี้ กรมการกงสุล ยังได้มอบเข็มกลัดเชิดชูเกียรติในการประกาศเกียรติคุณ และเสื้อที่ระลึก “กงสุลอาสา” ให้กับนางสาววิภาวดี วรรณชัย หรือ พี่แจ๋ม ที่ช่วยเหลือแรงงานไทยในการขับรถรับส่งออกจากพื้นที่สู้รบ จนได้รับความปลอดภัย ส่วนคนไทยในอิสราเอลที่ไม่ประสงค์จะกลับยังอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย ส่วนการเยียวยา มีการบูรณาการกับกระทรวงอื่น เช่น กระทรวงแรงงาน
ทั้งนี้ เหลือคนไทยในอิสราเอลจำนวนเท่าไหร่ นางกาญจนา กล่าวว่า ตัวเลขคนไทยที่กลับมาแล้วประมาณ 8,000-9,000 คน ส่วนคนไทยยังอยู่ในอิสราเอล มีประมาณ 20,000 คน ที่ยังอยู่ในพื้นที่ทะเลทรายอาราวา ประเมินว่าจรวดก็คงมาไม่ถึง น่าจะเป็นพื้นที่ปลอดภัย และอยู่ในพื้นที่ฉนวนกาซา ไม่ประสงค์จะกลับ เนื่องจากเชื่อมั่นในตัวนายจ้าง ประมาณ 390 คน โดยสถานทูตได้ติดตามสถานการณ์ตลอดเวลา หากเปลี่ยนใจขอให้ติดต่อมายังสถานทูต แต่มีความเป็นห่วงคนที่ถูกจับเป็นตัวประกันว่าจะได้รับการปล่อยตัวเมื่อไหร่ ทั้งนี้ คาดว่านายกรัฐมนตรีจะมีการหารือแบบทวิภาคีเรื่องนี้กับประเทศต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบด้วย
เมื่อถามว่า การเดินทางเยือนประเทศไทยของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศอิหร่าน จะมีผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับอิสราเอลหรือไม่ นางกาญจนา ระบุว่า ไม่มีผลกระทบต่อความสัมพันธ์กับอิสราเอล ประเทศไทยค่อนข้างเป็นประเทศที่ทุกคนรู้ว่าเรามีความสัมพันธ์กับทุกประเทศ ไม่คิดว่าจะมีผลกระทบอะไร โดยจะมีการหารือเรื่องการช่วยเหลือตัวประกัน เพราะเราคงไม่ละทิ้งโอกาสที่จะช่วยเหลือทุกฝ่าย
ส่วนการเจรจาหยุดยิงนั้น หลายฝ่ายพยายามคุยกับอิสราเอลอยู่ว่าให้หยุดยิง เพื่อจะปล่อยตัวประกัน แต่อย่างที่บอกว่า เงื่อนไขสวนกันไปมา ส่วนบุคคลสูญหาย ยอมรับว่ายังไม่เคยแจ้งตัวเลข แต่มีน้อยมาก จำนวน 3 ราย ที่ไม่ได้รับการติดต่อจากญาติ กระทรวงการต่างประเทศก็จะพยายามติดต่อต่อไป
“เราก็ยังอยากได้ยินข่าวดี แต่มีเงื่อนไขที่ต้องจำกัดและตามอยู่มาก คงต้องติดตามกันต่อไป เรียกว่าต้องอยู่กับความเป็นจริง” นางกาญจนา กล่าว.-สำนักข่าวไทย