บช.ก. แถลงจับเครือข่ายเงินกู้ออนไลน์ ดอกเบี้ยโหด

บช.ก. 15 พ.ย. – “พล.ต.ท.จิรภพ” ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงปราบเครือข่ายแอปฯ เงินกู้เงินออนไลน์ดอกเบี้ยโหด จับ 2 ตัวการใหญ่ พร้อมผู้รับจ้างเปิดบัญชีม้า 11 ราย พบเส้นทางการเงินมีหมุนเวียนกว่า 500 ล้านบาท


พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง แถลงผลการจับกุมของหน่วยงานตำรวจในสังกัดกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลางหลังเปิดปฏิบัติการ นำกำลังกว่า 80 นาย เข้าตรวจค้นเป้าหมาย 23 จุด ในพื้นที่ 10 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพฯ นนทบุรี ชลบุรี ปทุมธานี นครราชสีมา ปราจีนบุรี อยุธยา สมุทรปราการ ชุมพร และตรัง สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งสิ้น 13 ราย ได้แก่ ระดับผู้รับผลประโยชน์ จำนวน 2 ราย คือ นางสาวยุวธิดา อายุ 37 ปี และนายวีรยุทธ อายุ 37 ปี พร้อมผู้รับจ้างเปิดบัญชีม้า จำนวน 11 ราย ในความผิดฐาน ร่วมกันโดยทุจริตหรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดวามเสียหายแก่ประชาชน, ร่วมกันประกอบธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลโดยไม่ได้รับอนุญาต, ร่วมกันให้ผู้อื่นกู้ยืมเงินหรือกระทำการใด ๆ อันมีลักษณะเป็นการอำพรางการให้กู้ยืมเงิน โดยมีลักษณะเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด หรือกำหนดข้อความอันเป็นเท็จในเรื่องจำนวนเงินกู้ หรือเรื่องอื่นๆ เพื่อปิดบังการเรียกดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนด, ร่วมกันทวงถามหนี้ในลักษณะข่มขู่ใช้ความรุนแรงหรือการกระทำอื่นใดที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่ร่างกาย ชื่อเสียง หรือทรัพย์สินของลูกหนี้ หรือใช้วาจาหรือภาษาที่เป็นการดูหมิ่นลูกหนี้และผู้อื่น และความผิดฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ

การตรวจค้นร้านคาราโอเกะย่านอาร์ซีเอ และบ้านของหุ้นส่วนผู้ดูแลร้าน ที่มีข้อมูลว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ผลการตรวจค้นสามารถยึดของกลางทั้งสิ้น 52 รายการ อาทิ สมุดบัญชีธนาคาร จำนวน 32 รายการ, โทรศัพท์มือถือ จำนวน 11 เครื่อง, โน้ตบุ๊ก, แท็ปเล็ต, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ จำนวน 3 รายการ และเอกสารอื่นๆ จำนวน 6 รายการ


พฤติการณ์ของคดีนี้ คือเมื่อประมาณปลายปี พ.ศ.2565 ผู้เสียหายได้ทำการกู้เงิน
ผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ โดยแอปฯ เหล่านี้มีการประกาศเชิญชวนให้กู้ยืมเงิน อ้างว่าดอกเบี้ยต่ำ ได้เงินไว ภายหลังเมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ จึงได้ดาวน์โหลดแอปฯ มาติดตั้งในโทรศัพท์มือถือ โดยในการลงทะเบียนเปิดใช้งานแอปฯ ดังกล่าว มีการขอสิทธิ์เข้าถึงข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหาย ไม่ว่าจะเป็น รายชื่อเบอร์โทรศัพท์, รูปภาพ, กล้อง, ตำแหน่งที่ตั้ง (GPS) และไมโครโฟน ซึ่งหากผู้เสียหายไม่ยินยอม ก็จะไม่สามารถเปิดใช้งานแอปฯ ดังกล่าวได้ ผู้เสียหายจึงอนุญาตให้แอปฯ สามารถเข้าถึงข้อมูลในโทรศัพท์มือถือของผู้เสียหาย

หลังจากนั้นผู้เสียหายจึงได้ทำการกรอกข้อมูลส่วนตัวต่างๆ ตามที่แอปกำหนด โดยกรอกข้อมูลชื่อสกุล, ที่อยู่, ที่มารายได้, ชื่อผู้ติดต่อ, เลขที่บัญชีเงินฝาก, ภาพบัตรประชาชนคู่กับใบหน้า รวมถึงเบอร์โทรศัพท์เพื่อรอรับรหัสยืนยัน (OTP) ภายหลังเมื่อผู้เสียหายลงทะเบียนเปิดใช้งานแอปฯ เสร็จสิ้นแล้ว ผู้เสียหายจึงได้ดำเนินการขอกู้ยืมเงิน โดยทำการกู้ยืมเงินรวมจำนวน 11 ครั้ง รวมเงินที่กู้เป็นจำนวนกว่า 50,000 บาท

ในทุกครั้งที่กู้ยืมเงิน ผู้เสียหายจะได้รับเงินเพียงร้อยละ 55 ของยอดเงินที่กู้ และจะต้องคืนเงินเต็มจำนวนของยอดกู้ภายในระยะเวลา 6 วัน ซึ่งหากคำนวนเป็นอัตราดอกเบี้ยแล้ว คิดเป็นอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อวันหรือ อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 225 ต่อเดือน หรืออัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2,737.5 ต่อปี นอกจากนี้ยังมีบางครั้งที่ผู้เสียหายพบว่า มียอดเงินที่ตนเองไม่กู้ ถูกโอนเข้ามาในบัญชีของผู้เสียหาย พร้อมกับมีข้อความแจ้งให้ทราบว่าต้องชำระยอดเงินกู้นี้เพิ่มด้วย ต่อมาเมื่อผู้เสียหายไม่สามารถชำระเงินกู้ที่กู้ยืมไว้ได้ จะมีบุคคลโทรศัพท์ติดต่อไปยังพ่อแม่ ญาติพี่น้อง เพื่อติดตามทวงหนี้ อีกทั้งยังมีการส่งข้อความทาง SMS แนบรูปภาพตัดต่อใบหน้าของผู้เสียหายไปให้เพื่อนร่วมงาน หรือคนใกล้ชิด ทำให้เข้าใจว่าผู้เสียหายเป็นผู้จำหน่ายสิ่งเสพติด หรือค้าประเวณี ภายหลังผู้เสียหายจึงได้เข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีกับคนร้ายในคดีนี้


ต่อมา ตำรวจ กก.3 บก.ปอท. ทำการสืบสวนหาตัวผู้กระทำความผิด พบว่าระบบของแอป เหล่านี้ จะมีการโฆษณาเผยแพร่ให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ โดยมีการให้ข้อมูลอันเป็นเท็จเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ มีการกำหนดการผ่อนชำระเงินกู้ในลักษณะที่เป็นการบิดเบือนและอำพราง และมีการคิดอัตราดอกเบี้ยเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด

จากการตรวจสอบเส้นทางการเงินที่หลอกลวงผู้เสียหายนั้น พบว่ามีบัญชีธนาคารที่ถูกใช้ในการโอนเงินกู้ให้ผู้เสียหายจำนวน 6 บัญชี และมีบัญชีธนาคารที่ใช้รับโอนเงินคืนจากผู้เสียหาย จำนวน 6 บัญชี ซึ่งเงินในบัญชีเหล่านี้จะถูกโอนต่อไปยังบัญชีอื่นๆ อีกกว่า 100 บัญชี หลังจากนั้นจะมีการถ่ายโอนเงินไปให้กับผู้รับผลประโยชน์รายใหญ่ จำนวน 2 ราย โดยเงินจะถูกหมุนเวียนในบัญชีธนาคารต่างๆ ภายใต้ชื่อเดียวกันกว่า 30 บัญชี และจะมีการโอนเงินไปยังบัญชีต่างๆ ของธนาคารในประเทศไทยกว่า 50 บัญชี โดยใช้ชื่อบัญชีเป็นชาวรัสเซีย, เมียนมา, จีน และไทย ตรวจสอบพบมียอดเงินหมุนเวียนกว่า 500 ล้านบาท

จากข้อมูลการสืบสวนและการรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ขออนุมัติศาลออกหมายจับผู้ต้องหาจำนวน 16 ราย และสามารถดำเนินการจับกุมในครั้งนี้ได้ 13 ราย จากนั้นจึงนำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดส่งพนักงานสอบสวน กก.3 บก.ปอท. เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
 
พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ฝากเตือนถึงพี่น้องประชาชนหากต้องการกู้ยืมเงินควรเลือกกู้กับทางสถาบันทางการเงินหรือผู้ให้บริการด้านสินเชื่อที่ถูกต้องตามกฏหมาย เพื่อป้องกันการตกเป็นเหยื่ออย่างในกรณีผู้เสียหายกลุ่มนี้ ส่วนผู้ที่รับจ้างเปิดบัญชี หรือ ยอมให้ผู้อื่นใช้บัญชี มีโทษทางกฎหมาย หากบัญชีถูกนำไปใช้ในทางทุจริต เพราะอาจจะเข้าข่ายความผิดฐานฟอกเงิน ซึ่งอัตราโทษสำหรับความผิดฐานฟอกเงินนั้น มีอัตราโทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี ปรับ 10,000 -200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ. -สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้นบ้านสามารถ

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ” คดีฟอกเงินดิไอคอน

ดีเอสไอเข้าค้นบ้าน “สามารถ เจนชัยจิตรวนิช” คดีฟอกเงินดิไอคอน หลังพบเงิน “บอสดิไอคอน” โอนเข้าบัญชีแม่ของนายสามารถ

หมอบุญ

THG แจงบริษัทไม่เกี่ยวข้องคดีต่างๆ ที่เกิดจาก “หมอบุญ”

THG แจงตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบัน “หมอบุญ” ไม่ได้ดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารใน THG คดีฉ้อโกงใดๆ ที่เกิดขึ้น บริษัทไม่เกี่ยวข้อง

คะแนนไม่เป็นทางการ เลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ

ลุ้นผลคะแนนเลือกตั้งนายก อบจ.นครศรีธรรมราช นับเสร็จแล้วบางหน่วย ล่าสุด ณ เวลา 19.40 น. “วาริน ชิณวงศ์” เบอร์ 2 จากทีมนครเข้มแข็ง ชนะคู่แข่งขาดลอยในหลายหน่วย คะแนนทิ้งห่างแชมป์เก่า “กนกพร เดชเดโช” เบอร์ 1 จากพรรค ปชป.

“ทนายสายหยุด” จ่อถอนตัวคดีตั้ม หวั่นติดร่างแห

“ทนายสายหยุด” เตรียมถอนตัวเป็นทนายให้ “ตั้ม” เผยในมือมีแต่พยานเท็จ ปิดบังข้อเท็จจริง เสี่ยงเป็นผู้ร่วมกระทำผิด

ข่าวแนะนำ

เปิดปมสังหารยกครัว 4 ศพ แค้นชู้สาว

เปิดปมเหตุสลดฆ่ายกครัว 3 ศพ ก่อนผู้ก่อเหตุยิงตัวเองเป็นศพที่ 4 ใน จ.สมุทรปราการ พบข้อมูลว่าความแค้นครั้งนี้มาจากเรื่องชู้สาว แต่ลูกชายของผู้ตายยังไม่เชื่อว่าแม่มีความสัมพันธ์กับมือปืน แต่ยอมรับมือปืนให้เงินแม่ใช้ทุกวัน

ศาลไม่ให้ประกัน “สามารถ” ชี้พฤติการณ์ร้ายเเรง

ทนายเผยศาลไม่ให้ประกัน “สามารถ” เพราะพฤติการณ์ร้ายเเรง เตรียมยื่นอุทธรณ์คำสั่งประกัน ด้าน “แม่สามารถ” วอนผู้มีอำนาจอย่าเอาความลูกชายตน ลั่นหลังจากนี้จะสู้เพื่อความยุติธรรม