เด้ง 4 ตำรวจน้ำ เซ่นเรือน้ำมันเถื่อนของกลางหาย 3 ลำ

13 มิ.ย. – ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง สั่งย้ายผู้กำกับตำรวจน้ำ พร้อมลูกน้อง รวม 4 นาย เซ่นเรือน้ำมันเถื่อนของกลาง 3 ลำ หายจากท่าเรือสัตหีบ


ย้อนรอย “เสี่ยโจ้ น้ำมันเถื่อน” กับสารพัดธุรกิจสีเทา
“เสี่ยโจ้ น้ำมันเถื่อน” หรือนายสหชัย ปรากฏตัวครั้งแรกต่อสาธารณชนเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2564 โดยถูกตำรวจกองบังคับการปราบปรามจับกุมตัวขณะนั่งรับประทานอาหารย่านห้วยขวาง ในข้อหาฟอกเงินและลักลอบขายน้ำมันเถื่อน ในพื้นที่ จ.สงขลา

คดีนี้ขยายผลมาจากเมื่อปี 2555 เจ้าหน้าที่ชุดปราบปรามน้ำมันเถื่อน จับกุมเรือลักลอบขายน้ำมันในน่านน้ำ จ.สงขลา พร้อมตรวจยึดของกลางเป็นน้ำมัน 2,000 ลิตร และเงินสดกว่า 40 ล้านบาท ต่อมายังตรวจพบเอกสารซื้อขายน้ำมันเถื่อนกว่า 10,000 ครั้ง และบัญชีจ่ายส่วยให้เจ้าหน้าที่หลายหน่วยงาน ตำรวจปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ส่งฟ้องในข้อหาร่วมกันนำน้ำมันเชื้อเพลิงที่ยังไม่ได้เสียภาษีเข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งอัยการสั่งสอบเพิ่ม


ในคดีฟอกเงินและค้าน้ำมันเถื่อนนั้น ยังมีความเชื่อมโยงไปถึงตำรวจระดับสูง ยศพลตำรวจโทรายหนึ่ง โดยตรวจพบความเชื่อมโยงจากบัญชีส่วยที่เสี่ยโจ้จ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ และได้รับการช่วยเหลือให้หลบหนีคดีเข้าออกประเทศอีกด้วย

ต่อมาในปี 2557 หลัง คสช. เข้ายึดอำนาจ มีการตรวจค้นโรงงานของเสี่ยโจ้ และยึดตราประทับเดินทางระหว่างประเทศไว้ได้ เสี่ยโจ้มีการประกันตัวในข้อหาปลอมแปลงเอกสาร ก่อนที่ศาลจังหวัดปัตตานีตัดสินลงโทษเสี่ยโจ้ 1 ปี 9 เดือน แต่เสี่ยโจ้กลับหลบหนีจากศาล จ.ปัตตานี ออกนอกประเทศ หลังจากนั้นไม่มีใครพบตัวเสี่ยโจ้อีก แต่หลังจากนั้นเมื่อปี 2560 มีกระแสข่าวว่าเสี่ยโจ้กลับมาพักอาศัยที่บ้าน จ.ปัตตานี จนถูกจับตาว่าทำไมเจ้าหน้าที่จึงไม่จับกุมผู้ต้องหาตามหมายจับ

หากย้อนไป “เสี่ยโจ้ น้ำมันเถื่อน” พัวพันกับธุรกิจสีเทาในภาคใต้มายาวนาน เคยตกเป็นผู้ต้องหาถึง 14 คดี โดยเป็นคดีที่เกิดขึ้นในจังหวัดปัตตานี ถึง 10 คดี เช่น เล่นการพนันหวยเถื่อน ปี 2546, ปลอมตราสำหรับการเดินทางระหว่างประเทศ ปี 2557 และเรือไม่มีใบอนุญาตทำการประมงแต่ใช้ทำการประมง ปี 2561 โดย สภ.เมืองชลบุรี อยู่ระหว่างการสอบสวนออกหมายเรียกครั้งที่ 2 เป็นต้น


ต่อมาในช่วงเดือนมีนาคม 2567 เจ้าหน้าที่พบเรือจอดอยู่บนทะเลกลางอ่าวไทย เป็นเรือบรรทุกน้ำมันเถื่อน จึงยึดเป็นของกลาง ตรวจสอบในเรือ 5 ลำ พบเป็นเรือขนน้ำมัน 3 ลำ อีก 2 ลำ รับถ่ายน้ำมันก่อนไปเทียบท่าเรือใน จ.เพชรบุรี เพื่อถ่ายต่อไปยังรถบรรทุกน้ำมันและขายต่อ จึงมีการยึดเรือทั้ง 5 ลำไว้ และดำเนินคดีกับลูกเรือ 28 ราย ในฐานร่วมกันพยายามลักลอบนำเข้าน้ำมันโดยไม่เสียภาษีศุลกากร ซึ่งการลักลอบนำเข้าเช่นนี้ ทำให้ภาครัฐสูญเสียรายได้หลายหมื่นล้านต่อปี

แม้ตัวเสี่ยโจ้หนีออกนอกประเทศไปแล้ว แต่เรือของกลางทั้ง 5 ลำ ที่ถูกยึดไว้ยังคงจอดอยู่ที่ท่าเทียบเรือสถานีตำรวจน้ำสัตหีบ มาโดยตลอด ทางตำรวจคอยเฝ้าระวังและตรวจตราอยู่ทุกวัน ก่อนจะพบว่าเรือ 3 ลำหายไปเมื่อช่วงดึกของวันที่ 11 มิ.ย. 2567 ส่วนเสี่ยโจ้ แม้จะมีคดีติดตัวมากถึง 14 คดี แต่ยังไม่เคยถูกลงโทษ และยังคงหลบหนีลอยนวลจนถึงปัจจุบัน

ผบช.ก.สั่งย้ายด่วน 4 ตำรวจน้ำ เซ่นเรือของกลางหาย
ผลพวงจากเรือน้ำมันเถื่อนของกลางหายไป 3 ลำ ล่าสุดช่วงเย็นที่ผ่านมา พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ลงนามในหนังสือคำสั่งกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.รน. 4 นาย ย้ายมาช่วยราชการ ปฏิบัติหน้าที่ประจำศูนย์ปฏิบัติการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง หรือ ศปก.บช.ก. โดยให้ขาดจากต้นสังกัด มีผลนับตั้งแต่วันนี้ (13 มิ.ย.) เป็นต้นไป

สำหรับการเซ็นคำสั่งย้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจน้ำทั้ง 4 นาย เป็นผลพวงจากกรณีเรือบรรทุกน้ำมันของกลางขนาดใหญ่ 3 ลำ บรรจุน้ำมันรวมกว่า 300,000 ลิตร หายไปจากท่าเทียบเรือตำรวจน้ำสัตหีบ จ.ชลบุรี ทั้งนี้ เพื่อให้การตรวจสอบข้อเท็จจริงเป็นไปด้วยความเรียบร้อย-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

แจ้งข้อหาเพิ่ม “ทนายตั้ม” คดี 39 ล้านบาท รวม 7 ข้อหา

แจ้งข้อหาเพิ่ม “ทนายตั้ม” คดี 39 ล้านบาท รวม 7 ข้อหา จ่อแจ้งข้อหา “นุ-แซน” เพิ่มเติม และเชื่อว่ามีบุคคลอื่นที่ต้องถูกดำเนินคดีอีก ส่วน “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ยังไม่ประสานเข้าพบหลังออกหมายเรียก

วิสามัญมือยิงประธานสภา อบต.โพนจาน ยิงสู้ จนท.

วิสามัญมือยิงประธานสภา อบต.โพนจาน จ.นครพนม หลังหนีข้ามมา จ.ขอนแก่น เจ้าหน้าที่ปิดล้อมเกลี้ยกล่อมให้วางอาวุธ แต่ไม่สำเร็จ คนร้ายยิงต่อสู้

ขู่ยื่นเอาผิด รมว.ดีอี ปล่อยโฆษณาหลอกหลวง ปชช.

รัฐสภา 3 ธ.ค. – กมธ.ไอซีที สว. ขู่ ยื่น ม.157 เอาผิด รมว.ดีอี ฉุนเกียร์ว่าง ปล่อยโฆษณาหลอกหลวง ประชาชน – ปล่อย “หมอบุญ” หนีลอยนวล จี้รัฐยกปราบหลอกลวงออนไลน์เป็นวาระแห่งชาติ นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว. ฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และการโทรคมนาคม คนที่หก วุฒิสภา แถลงผลการประชุมกมธ. เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. ซึ่งตรวจสอบกรณีการโฆษณาผ่านสื่อสังคมออนไลน์ให้ลงทุนในสินทรัพย์ ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงอาทิ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กรณีของนพ.บุญ วนาสิน ผู้ก่อตั้งโรงพยาบาลธนบุรี ที่พบกรณีฉ้อโกงและฟอกเงิน เป็นมูลค่าสูงกว่า 7,500 ล้านบาท อย่างไรก็ดีในคดีดังกล่าวถูกแจ้งความดำเนินคดีที่ สน.ห้วยขวาง แล้วปี 2566 แต่ไม่มีการดำเนินการใดๆ จนกระทั่งนพ.บุญเดินทางออกไปนอกประเทศและไม่มีการอายัดทรัพย์ ทั้งนี้ในการหลอกหลวงผ่านโฆษณาชวนเชื่อนั้น ทำผ่านโบรกเกอร์ที่หลอกลงทุน ทั้งนี้เชื่อว่าจะเป็นนักลงทุนที่เคยลงทุนที่คุ้นเคยกับเครือโรงพยาบาลธนบุรี “จากการชี้แจงกรณี นพ.บุญของหน่วยงานที่ชี้แจง พบเป็นการโยนกลองกันไปมา ไม่มีหน่วยงานใดที่รับผิดชอบจริงจัง […]

ข่าวแนะนำ

พุทธศาสนิกชนสักการะ “พระเขี้ยวแก้ว” เนืองแน่น

พุทธศาสนิกชนจากทั่วสารทิศ รอต่อคิวเข้าสักการะ พระบรมสารีริกธาตุ “พระเขี้ยวแก้ว” ที่ท้องสนามหลวง กันอย่างเนืองเเน่น

ตั้ง กก.สอบ 7 ตำรวจ บก.จร.ทำร้ายลูกชายอดีต ตร. พ่อยันเอาเรื่องถึงที่สุด

กองบังคับการตำรวจจราจร ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรง 7 ตำรวจ บก.จร. รุมทำร้ายลูกชายอดีตตำรวจ พ่อและน้องสาวยืนยันไม่ยอมความ เอาเรื่องถึงที่สุด พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย

ครอบครัวผู้เสียหายที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เผยอาการยังสาหัส ยันไม่ยอมความ แม้มีกระเช้าปริศนามาให้แล้ว 3 กระเช้า พร้อมท้าตำรวจทั้ง 7 นาย เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผยพฤติกรรมตัวเอง ด้าน รอง ผบช.น. ยันตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องรับผิดชอบกับสิ่งที่กระทำไป

ครอบครัวของผู้บาดเจ็บที่โดนตำรวจ 7 นาย รุมทำร้าย เดินทางไปพบพนักงานสอบสวน และชุดสืบสวนของ สน.บางเขน ก่อนเดินไปชี้จุดที่เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่าน และเป็นจุดเดียวกับที่ตำรวจพาผู้บาดเจ็บเข้ามาจอดรถไว้หลังก่อเหตุทำร้ายร่างกาย เพื่อตรวจสอบว่ารถของผู้บาดเจ็บเป็นรถคันเดียวกับที่ได้ขับแหกด่านหรือไม่ โดยก่อนการชี้จุด พ่อและน้องสาวของผู้ได้รับบาดเจ็บเดินทางมาพร้อมกับร้อยเวร สถานีตำรวจนครบาลบางเขน เจ้าของพื้นที่ เพื่อชี้จุดและให้ข้อมูลกับตำรวจเพิ่มเติม ระหว่างรอตัวผู้บาดเจ็บพักรักษาตัวจนสามารถเข้าให้การกับตำรวจได้

นางสาวธนัชตา น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกว่า พี่ชายยังต้องพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล จุดที่น่าเป็นห่วงคือบริเวณศีรษะทั้งหมด โดยเฉพาะดวงตาขวามีเลือดออก การมองเห็นยังไม่ปกติ ส่วนตามร่างกายมีร่องรอยฟกช้ำ แต่ยังโชคดีที่ไม่มีส่วนใดต้องผ่าตัด

เหตุการณ์ครั้งนี้รู้สึกรับไม่ได้ ยืนยันจะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด ไม่ว่าจะเข้าข้อกฎหมายข้อไหนพร้อมจะต่อสู้ มองว่าเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ เพราะพี่ชายของตนไปคนเดียวและไม่มีอาวุธ แต่คู่กรณีเป็นถึงตำรวจ และมีด้วยกันถึง 7 นาย ทันทีที่รู้เรื่องตนเองรีบเดินทางมาที่ด่านทันที พยายามสอบถามว่าตำรวจนายไหนเป็นคนทำพี่ชายของตนเอง แต่ไม่ได้รับคำตอบ ซึ่งพี่ชายพยายามบอกแล้วว่าไม่ใช่คนขับรถหนีด่าน

นางสาวธนัชตา ยังฝากถึงตำรวจตั้งด่านทุกนายว่าทุกคนมีกล้องติดหน้าอก ตนเองพยายามขอดูแต่มีการอ้างว่ากล้องเสียบ้าง เปิดไม่ได้บ้าง จึงอยากฝากไปถึงตำรวจตั้งด่านในวันนั้นทุกนายให้เอากล้องติดหน้าอกออกมาเปิดเผย เพื่อเป็นการยืนยันเหตุการณ์ทั้งหมด เพราะเหตุการณ์วันนั้นตนเองก็มีหลักฐาน รวมถึงพยานคือคนที่เข้าด่านตรวจก็เห็นทุกคนว่าเหตุการณ์ตรงนั้นเกิดอะไรขึ้น อยู่ที่ตำรวจจะกล้าหรือไม่กล้า

น้องสาวผู้บาดเจ็บ บอกอีกว่าเมื่อวานนี้ (4 ธ.ค.) มีกระเช้าผลไม้-ดอกไม้ปริศนา ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นของใคร หรือของตำรวจสังกัดใดบ้างนำมาเยี่ยม ขอย้ำว่าไม่ขอรับกระเช้า เพราะไม่สามารถรู้ได้เลยว่านำเอามาให้ด้วยเหตุผลอะไรแอบแฝง

ด้าน พันตำรวจโท ธนชัย เกิดศรี หรือสารวัตรเจี๊ยบ อดีตพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. ซึ่งเป็นพ่อของผู้บาดเจ็บ เปิดเผยว่า ในฐานะที่ตนเคยเป็นอดีตตำรวจกองบังคับการตำรวจจราจรมาก่อนไปอยู่ บก.ปทส. ตามปกติแล้วตำรวจมีขั้นตอนในการใช้ยุทธวิธีเพื่อจับผู้ต้องหาด้วยเครื่องพัฒนาการอยู่แล้ว ซึ่งไม่จำเป็นต้องใช้ความรุนแรงที่เกินกว่าเหตุแบบนี้ กรณีหากผู้ต้องหามีการต่อสู้หรือขัดขวาง ตำรวจไม่มีสิทธิที่จะไปรุมทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด ซึ่งจะพยายามเลี่ยงการใช้กำลังให้น้อยที่สุด การจับกุมตำรวจต้องมีการแสดงตัวเป็นตำรวจ พร้อมกับแจ้งให้ทราบว่าทำอะไรผิด จากนั้นจะเชิญตัวมาที่ด่านหรือโรงพักในพื้นที่ เพื่อดำเนินการสอบปากคำและพิจารณาแจ้งข้อกล่าวหาในภายหลัง

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่คาดคิดว่าจะมาเกิดขึ้นในยุคสมัยนี้ เพราะมีโซเชียลเป็นหูเป็นตา ยืนยันว่าจะไม่มีการเจรจาไกล่เกลี่ย แม้ว่าจะให้ผู้บังคับบัญชาระดับสูงลงมาพูดคุยก็ตาม เมื่อวานนี้ทางพยาบาลแจ้งว่ามีตำรวจนำกระเช้ามามอบให้แล้ว 3 กระเช้า แต่ตนไม่รับ เพราะไม่รู้ว่ามาด้วยวัตถุประสงค์อะไร และไม่รู้ว่าเป็นของหน่วยงานใด เนื่องจากพยาบาลแจ้งแค่ว่าเป็นตำรวจเท่านั้น

ส่วนความคืบหน้าคดี พันตำรวจเอก อนันต์ วรสาตร์ ผู้กำกับการ สน.บางเขน ให้ข้อมูลว่า เบื้องต้นพนักงานสอบสวน สอบปากคำน้องสาวและแม่ของผู้บาดเจ็บในฐานะพยาน ส่วนผู้บาดเจ็บตอนนี้แพทย์ยังไม่อนุญาตให้พนักงานสอบสวนเข้าไปสอบปากคำ เนื่องจากยังอยู่ในอาการสาหัส

ส่วนกรณีผู้ก่อเหตุทั้ง 7 นายที่เป็นตำรวจ ตอนนี้ยังไม่มีการสอบปากคำ เนื่องจากพนักงานสอบสวนอยากทราบพฤติการณ์ของกลุ่มผู้ก่อเหตุจากผู้เสียหายก่อน ยืนยันว่าจะไม่มีการช่วยเหลือแม้ว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุจะเป็นตำรวจก็ตาม

ด้าน พลตำรวจตรี ธวัช วงศ์สง่า รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ซึ่งดูแลรับผิดชอบงานจราจร ให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า เบื้องต้นผู้บังคับการตำรวจจราจรกลาง รายงานมาเบื้องต้นว่าผู้ก่อเหตุที่เป็นตำรวจทั้ง 7 นาย บอกว่ามีการเข้าใจผิด คิดว่าจะขับรถแหกด่านจึงมีการตามไป ก่อนที่ผู้เสียหายจะมีการขัดขืน ทำให้ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องใช้กำลังในการระงับเหตุ ยอมรับว่าเป็นการทำเกินกว่าเหตุจริงๆ ตอนนี้ทราบว่ากองบังคับการตำรวจจราจรมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบวินัยร้ายแรงขึ้นแล้ว ส่วนทางคดีอาญาอยู่ที่ สน.บางเขน

สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตำรวจทั้ง 7 นาย ต้องชี้แจงและยอมรับกับสิ่งที่ได้กระทำลงไป รวมทั้งอาจจะต้องทบทวนเรื่องยุทธวิธีที่่ใช้ในการระงับเหตุ แต่ยืนยันว่าตำรวจไม่เคยมีวิธีระงับเหตุด้วยการทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด.-414-สำนักข่าวไทย

นายกฯ นำ ครม.ทำบุญตักบาตรเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ 5 ธ.ค.67

นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์ 189 รูป ที่ท้องสนามหลวง ก่อนวางพานพุ่มดอกไม้ถวายราชสักการะ ในหลวงรัชกาลที่ 9 เนื่องในวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2567