กทม. 12 พ.ย.-เสียงสะท้อนเงินดิจิทัล 10,000 บาท บางส่วนขอรัฐปรับเกณฑ์ เชื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ห่วงหลังจากเงินเฟ้อของไทยอยู่ในระดับต่ำมา 5 เดือนติดกัน ขณะที่เงินเฟ้อของโลกยังสูงมาก เงินเฟ้อสหรัฐสูงถึง 3.8% ปรากฏว่าเงินเฟ้อของไทยเดือน ต.ค.กลับติดลบ 0.31% เป็นการติดลบครั้งแรกในรอบ 25 เดือน ซึ่งเป็นสัญญาณเศรษฐกิจที่อันตรายแสดงถึงกำลังซื้อของประชาชนลดลง ดังนั้น การกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่จึงมีความจำเป็น ก่อนที่เศรษฐกิจไทยจะเข้าสู่ภาวะถดถอย และแก้ไขยาก จึงฝากทุกฝ่ายช่วยกันพิจารณา
นายชลี อายุ 83 ปี ผู้สูงอายุ ชาวนครราชสีมา เห็นด้วยรัฐบาลเดินหน้านโยบายแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท เพื่อนำมาเป็นค่าใช้จ่ายซื้อของกินของใช้ ไม่ต้องรบกวนลูกหลาน ภาพรวมถือว่าเป็นนโยบายที่ดี เช่นเดียวกับนายวัชระ อายุ 53 ปี ช่างซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ผู้พิการ บอกว่า จะนำเงินมาลงทุนหมุนเวียนซื้ออะไหล่ซ่อมแซมเครื่องใช้ไฟฟ้า อยากได้เงินเร็วๆ เพราะประชาชนขาดเงินทุนหมุนเวียน ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายได้ 1-2 เดือน ถือว่าส่งผลดีต่อประชาชนอย่างมาก
หลังรัฐบาลออกเงื่อนไขชัดเจนเรื่องเงินดิจิทัลวอลเลต 1 หมื่นบาท โดยขยายขอบเขตการใช้เงินเป็นระดับอำเภอ ตามบัตรประชาชน และให้คนไทยที่มีอายุ16ปีขึ้นไปที่มีเงินเดือนไม่เกิน 7 หมื่นหรือเงินฝากไม่เกิน 5แสน และคาดว่าจะใช้ได้เดือนพฤษภาคม 67 และมีระยะเวลาใช้สิทธิ์ 6 เดือน ประชาชนมองเรื่องนี้อย่างไรกันบ้าง โดยเฉพาะชาวเชียงใหม่ มีหลากหลายความเห็น ไปฟังเสียงสะท้อนกันค่ะ
ขณะที่ชาวเชียงใหม่ส่วนหนึ่ง แม้ดีใจที่จะได้เงินมาช่วยลดภาระในครอบครัว แต่บอกอยากให้เงินเข้าปีใหม่นี้เลยจะได้เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเงินนี้น่าจะใช้จับจ่ายได้ทุกที่ไม่ถูกจำกัด ส่วนคนที่ไม่เข้าเงื่อนไขที่จะได้รับเงินหมื่นน้อยใจเพราะว่าเสียภาษีเหมือนกัน จึงอยากสะท้อนให้รัฐบาลเปลี่ยนเงื่อนไขหรือนำหลักเกณฑ์คนละครึ่งมาใช้ เพื่อที่คนไทยทุกคนจะได้รับสิทธิเท่ากันและกระจายรายได้อย่างตรงจุด
ด้าน สำนักวิจัยซูเปอร์โพล เผย ผลการศึกษาเรื่อง “ภัยอยู่กับมือ” พบว่าประชาชนร้อยละ 76.0 เคยถูกหลอกลวงในโลกออนไลน์จากการใช้โซเชียล และแม้แต่เจ้าหน้าที่รัฐด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์เกินครึ่ง หรือร้อยละ 51.2 เคยตกเป็นเหยื่อขบวนการมิจฉาชีพในโลกออนไลน์หลายรูปแบบ และการที่รัฐบาลจะแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาทให้ประชาชนกว่า 50 ล้านคนทั่วประเทศ รวมเป็นเงินกว่า 5 แสนล้านบาท ทำให้ขบวนการโจรไซเบอร์พร้อมลงทุนใช้เทคโนโลยีมาโจมตีเอาเงินที่มีมูลค่าเป็นแสนล้านบาทจากนโยบายแจกเงินดิจิทัลของรัฐบาล
ดังนั้น นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ประกาศจะพัฒนาแอปฯ เป๋าตัง ไปสู่การใช้เทคโนโลยีบล็อกเชน ทำให้เกิดความปลอดภัยสูง ความโปร่งใสตามหลักธรรมาภิบาล ป้องกันการทุจริตคอรัปชัน และการนำเทคโนโลยีความปลอดภัยสูงไปใช้ประโยชน์พัฒนาประเทศมิติอื่นๆ นั้น ถือได้ว่านายเศรษฐา จะเป็นนายกรัฐมตรีคนแรกของประเทศไทยและคนแรก ๆ ของโลกที่กล้าจะใช้เทคโนโลยีความปลอดภัยสูงมาทำให้บ้านเมืองขาวสะอาดลดปัญหาทุจริตคอรัปชันและความเดือดร้อนทุกข์ยากของประชาชนได้ผลสำเร็จอย่างยั่งยืน.–สำนักข่าวไทย