เจนีวา 8 พ.ย. – สหประชาชาติกล่าววันนี้ว่า ปรากฏการณ์ “เอลนีโญ” ซึ่งเป็นปัจจัยทำให้อุณหภูมิของโลกเพิ่มสูงขึ้น คาดว่าจะยังคงอยู่ต่อเนื่องไปอย่างน้อยจนถึงเดือนเมษายนปีหน้า
องค์การอุตุนิยมวิทยาโลก หรือ ดับเบิลยูเอ็มโอ ซึ่งเป็นหน่วยงานของสหประชาชาติ กล่าวว่า ปรากฏการณ์ “เอลนีโญ” ในปัจจุบัน พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงระหว่างเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ปีที่แล้ว และมีแนวโน้มจะรุนแรงมากที่สุดในระหว่างนี้จนถึงเดือนมกราคม และมีความเป็นไปได้ถึงร้อยละ 90 ที่ปรากฏการณ์ “เอลนีโญ” จะยังคงอยู่ในช่วงฤดูหนาวของซีกโลกเหนือและช่วงฤดูร้อนในซีกโลกใต้ที่กำลังจะมาถึง และ “เอลนีโญ” คาดว่าจะอยู่ต่อไปจนถึงเดือนเมษายนเป็นอย่างน้อย
นายเพตเทอริ ทาลาส (Petteri Taalas) เลขาธิการดับเบิลยูเอ็มโอ กล่าวในแถลงการณ์ว่า ขณะนี้อุณหภูมิสูงเป็นประวัติการณ์ทั้งบนบกและผิวทะเล นับตั้งแต่เดือนมิถุนายน ซึ่งจะส่งผลให้ปี 2023 อยู่ในแนวทางที่จะมีอากาศร้อนมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ พร้อมกับเตือนว่า ในปีหน้าสภาพอากาศอาจจะร้อนมากกว่านี้ได้ สภาพอากาศที่แปรปรวนรุนแรง เช่น คลื่นความร้อน ภัยแล้ง ไฟป่า ฝนตกหนักและน้ำท่วม จะเพิ่มขึ้นในบางภูมิภาค และมีผลกระทบอย่างหนัก พร้อมทั้งเน้นในเรื่องความสำคัญของประสิทธิภาพของระบบเตือนภัยล่วงหน้า
ปรากฏการณ์ “เอลนีโญ” เป็นรูปแบบสภาพอากาศที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ซึ่งมักจะเกี่ยวข้องกับสภาพอากาศที่ร้อนมากขึ้นทั่วโลก รวมถึงเกิดภัยแล้งในหลายพื้นที่ของโลก และมีฝนตกหนักในพื้นที่ส่วนอื่น ๆ ที่ไม่เจอกับภัยแล้ง.-สำนักข่าวไทย