กรุงเทพฯ 17 ต.ค. – ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เสนอรัฐบาลเพื่อให้นโยบายเงินดิจิทัลวอลเล็ตเกิดประสิทธิภาพสูงสุดทำให้นโยบายเงินดิจิทัลของรัฐบาลประสบความสำเร็จและเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนทั่วประเทศ โดยหอการค้าไทยประเมินว่านโยบายดังกล่าวจะมีส่วนสนับสนุนการขยายตัวของ GDP ปี 2567 ให้ขยายตัวได้ถึง 5% ตามที่รัฐบาลมุ่งหวังไว้
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยภายหลังการหารือกับคณะกรรมการหอการค้าฯ และมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยในฐานะฝ่ายวิชาการ ถึงแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาทของรัฐบาล ที่อยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดและรับฟังเสียงสะท้อนจากทุกภาคส่วนเพื่อประกอบการปรับปรุงรูปแบบของโครงการให้มีความชัดเจนและสอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาล โดยในหลักการหอการค้าฯ มองว่าสามารถดำเนินการได้ รวมทั้งสนับสนุนแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วและยั่งยืน แต่อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจำเป็นต้องมีการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในมิติต่าง ๆ ไปพร้อมกัน เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตได้อย่างเหมาะสม ซึ่งรัฐบาลต้องใช้เม็ดเงินจำนวนมากภายใต้สถานการณ์ที่ประเทศมีข้อจำกัดทางด้านงบประมาณ จึงจำเป็นต้องใช้งบประมาณให้เกิดประโยชน์และความคุ้มค่าต่อเศรษฐกิจสูงสุด
ทัังนี้ หอการค้าไทยจึงมีแนวทางและข้อเสนอเพื่อให้รัฐบาลได้พิจารณาประกอบการดำเนินมาตรการดังกล่าว ดังนี้ 1) หอการค้าไทยเห็นว่าการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินของประเทศเพื่อกระจายเม็ดเงินดิจิทัลให้มีประสิทธิภาพและตรงจุดเป็นเรื่องที่มีความสำคัญ ดังนั้น การพัฒนาระบบให้สามารถรองรับและสนับสนุนนโยบายดังกล่าวภายใต้ระยะเวลาอันจำกัดเป็นภารกิจที่ท้าทายความสามารถของรัฐบาล จึงเสนอให้รัฐบาลใช้ระบบที่มีอยู่ของธนาคารกรุงไทยซึ่งเป็นธนาคารภายใต้กำกับของรัฐบาล ที่มีประชาชนลงทะเบียนยืนยันตัวตนและใช้จ่ายผ่านแอปพลิเคชั่นแล้วถึง 40 ล้านคน ผนวกกับ แพลตฟอร์มและวอลเล็ตที่หน่วยงานต่าง ๆ ได้พัฒนาจนประสบความสำเร็จเป็นลักษณะระบบ Hybrid เพื่อให้มีส่วนร่วมกับการสนับสนุนการชำระเงินดิจิทัลผ่านช่องทางต่าง ๆ เป็นเครื่องมือสำคัญที่พร้อมสนับสนุนนโยบายดังกล่าวของรัฐบาลให้ทันได้ตามกำหนดเวลา โดยรัฐบาลควรสนับสนุนให้เกิดการใช้จ่ายและลงทุนในทุกระดับ เน้นการซื้อสินค้าหรือบริการที่ผลิตขึ้นภายในประเทศ ซึ่งภาคเอกชนที่เป็นช่องทางการจัดจำหน่ายพร้อมสนับสนุนให้สินค้าในชุมชนได้นำมาจำหน่าย โดยเชื่อว่าหากดำเนินการในลักษณะดังกล่าวจะเกิดการกระจายรายได้และหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจอย่างรวดเร็วและหลายรอบ
2) ขอให้รัฐบาลเน้นการบริหารจัดการและพัฒนาประเทศในด้านอื่น ๆ ควบคู่ไปพร้อมกับการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้น เพื่อเพิ่มความสามารถทางการผลิต ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญในการพลิกฟื้นเศรษฐกิจ อาทิ โครงการบริหารจัดการน้ำทางด้านชลประทาน โดยเฉพาะปัญหาเอลนีโญ่ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้และปีหน้า หากปริมาณน้ำไม่เพียงพอกลุ่มที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดคือกลุ่มเกษตรกรที่ใช้น้ำถึงร้อยละ 72 ของการใช้น้ำทั้งหมดและเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดของประเทศ อีกทั้งจะมีครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบทั้งสิ้นกว่า 7 ล้านครัวเรือน ขณะที่สถานการณ์ปัจจุบันพบว่ามี 6 จังหวัด ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม โดยหอการค้าฯ ได้เข้าไปมอบเงินช่วยเหลือในนามภาคเอกชน ผ่านมูลนิธิพาณิชย์สงเคราะห์ ด้วยเหตุนี้การลงทุนด้านการบริหารจัดการน้ำทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ให้เชื่อมโยงกันทั้งประเทศอย่างเป็นระบบ จะช่วยทำให้ภาคการเกษตรของไทยมีความมั่นคง สามารถยกระดับผลผลิตและรายได้ให้กับเกษตรกรได้มากขึ้น ซึ่งก็สอดคล้องกันนโยบายด้านการเกษตรและการลดความเหลื่อมล้ำของรัฐบาล ซึ่งในส่วนนี้จะช่วยภาคการผลิตและภาคประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม น้ำแล้งซ้ำซากทุกปี
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ควบคู่กับมาตรการบริหารจัดการด้านอื่น ๆ และการบริหารจัดการน้ำที่ยั่งยืน รวมถึงการทำงานร่วมกันระหว่างรัฐบาลกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิด จะทำให้นโยบายเงินดิจิทัลของรัฐบาลประสบความสำเร็จและเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชนทั่วประเทศ โดยหอการค้าไทยประเมินว่านโยบายดังกล่าวจะมีส่วนสนับสนุนการขยายตัวของ GDP ปี 2567 ให้ขยายตัวได้ถึง 5% ตามที่รัฐบาลมุ่งหวังไว้.-สำนักข่าวไทย