กระทรวงการต่างประเทศ 11 ต.ค.-โฆษก กต. เผยแรงงานไทยในอิสราเอลตายเพิ่มอีก 2 เจ็บอีก 4 ถูกจับเป็นตัวประกันเพิ่มอีก 3 ราย ไม่กล้ายืนยันปลอดภัย 100% เหตุตัวประกันอยู่กระจัดกระจาย ยอดลงทะเบียนขอกลับพุ่งกว่า 5 พันคน
นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงความคืบหน้าสถานการณ์ฉุกเฉินในอิสราเอล ว่า ยังคงมีการโจมตีด้วยจรวดที่ฉนวนกาซ่า มีการสูญเสียจากทั้งสองฝ่าย ทั้งพลเรือน และทหาร ทางฝ่ายอิสราเอลพยายามเข้าครอบครองยึดคืนพื้นที่คืนและเร่งซ่อมแซม แต่ยังคงมีผู้ก่อการที่หลบซ่อนอยู่ในอิสราเอล ในแง่ผลกระทบต่อคนไทยในพื้นที่ ต้องขอแสดงความเสียใจ
“ได้รับแจ้งเพิ่มเติมว่าเมื่อคืนนี้ทางสถานทูตไทยในเทลอาวีฟได้รับแจ้งจากแรงงานในพื้นที่ว่ามีผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์โจมตีอีก 2 รายทำให้สถานะผู้เสียชีวิตรวมเป็น 20 คนโดยข้อมูลที่ได้นี้เป็นข้อมูลที่ได้จากพี่น้องแรงงานในพื้นที่ ส่วนการยืนยันโดยทางการอิสราเอลนั้นต้องใช้เวลา ส่วนผู้บาดเจ็บได้รับรายงานว่ามีเพิ่มเติมอีก 4 ราย จากเดิม 9 รายรวมเป็น 13 ราย และเมื่อวานนี้ (10 ต.ค.) เอกอัครราชทูตและเจ้าหน้าที่ได้ไปเยี่ยมคนไทยที่โรงพยาบาลและแรงงานในพื้นที่ ได้พูดคุยฝากกับแพทย์ฝากว่าหากแรงงานไทยที่รักษาตัวมีสติกลับมา ขอให้แจ้งด้วย” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว
นางกาญจนา กล่าวว่า สำหรับผู้ที่ถูกจับไปเป็นตัวประกันได้รับแจ้งจากเพื่อนแรงงานด้วยกันเพิ่มอีก 3 ราย รวมเป็น 14 ราย ส่วนกรณีที่มีรายงานว่าพบแรงงานไทย 14 ราย ได้รับการปล่อยตัวนั้น จากการตรวจสอบไม่ได้อยู่ในรายชื่อที่มีในตอนแรก ถือว่าแยกออกมา อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้อพยพแรงงานอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยอีกหลายร้อยคน โดยออกมาอยู่ในศูนย์พักพิง ทางทูตและข้าราชทูตได้เข้าไปเยี่ยมเยียน
“ส่วนความปลอดภัยของตัวประกันนั้น ยอมรับว่ายืนยันยากมาก ตอนนี้ฝ่ายฮามาสแจ้งว่าจับไปรวมทุกชาติประมาณ 150 คน และคาดการณ์กันว่าน่าจะกระจัดกระจายอยู่ที่ต่าง ๆ ไม่ได้อยู่รวมกัน เรื่องความปลอดภัย 100% หรือไม่นั้นไม่สามารถยืนยันได้” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว
นางกาญจนา กล่าวว่า สำหรับการอพยพคนไทยพรุ่งนี้ จะมารอบแรก 15 คน มาถึงเมืองไทยประมาณ 10.35 น. โดยทีมงานจะไปที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และขณะนี้มีพี่น้องแรงงานที่ประสงค์จะกลับไทยเพิ่มเติมรวม 5,019 ราย และแสดงความประสงค์ไม่กลับ 61 ราย จากแรงงานทั้งหมดกว่า 30,000 ราย ส่วนที่เหลืออาจจะอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยหรืออยู่ระหว่างการตัดสินใจ และมีบางคนที่เมื่อโทรศัพท์ติดต่อกลับไปก็เปลี่ยนใจไม่กลับ เพราะอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยแล้ว ขณะนี้กำลังเตรียมการจองที่นั่งบนสายการบินพาณิชย์ 18 ตุลาคม จองไว้ 80 ที่นั่ง ขณะที่เครื่องของกองทัพอากาศกำลังขออนุญาตบินผ่านน่านฟ้าของประเทศต่าง ๆ จึงต้องใช้เวลา และในพื้นที่ต้องนัดหมายกับพี่น้องคนไทย
“ขอให้มั่นใจว่าจะพยายามดำเนินการอพยพอย่างเร็วที่สุด แต่มีหลายปัจจัย เพราะประเทศที่อพยพสำเร็จแล้วส่วนใหญ่จะเป็นประเทศยุโรปซึ่งเดินทางใกล้ และบางส่วนไม่ได้เป็นแรงงานในพื้นที่ที่เกิดการสู้รบ ดังนั้น การเคลื่อนย้ายและรวมคนในที่ปลอดภัยสะดวกกว่า” โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าว
ส่วนเรื่องการเจรจากับกลุ่มฮามาสให้ปล่อยตัวประกัน นางกาญจนา กล่าวว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทุกประเทศพยายามเพื่อให้ยุติความรุนแรง หากสามารถเจรจากับชาติไหนได้ก็จะเจรจา เพราะผลกระทบที่เกิดขึ้นกับพลเรือนทั้งสองฝั่งทั้งบาดเจ็บและเสียชีวิต รวมถึงชาติอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องที่ได้รับผลกระทบ พยายามเจรจา และทราบว่าคนที่ถูกควบคุมตัวน่าจะกระจัดกระจายตามที่ต่าง ๆ แต่เท่าที่ทราบกลุ่มชาวต่างชาติไม่ใช่กลุ่มเป้าหมาย
นางกาญจนา กล่าวถึงกรณีที่มีภาพปรากฏว่าแรงงานถูกบังคับให้ทำงานในสภาวะสงคราม ว่าได้เห็นตามข่าวทางโซเชียลและทางทูตได้ประสานไปทางนายจ้างและทางการอิสราเอลที่โยกย้ายคน ไปในพื้นที่อื่น ซึ่งทางฝ่ายอิสราเอล แจ้งว่าเป็นการโยกย้ายจากพื้นที่หนึ่ง ซึ่งทำงานไม่ได้ไม่ปลอดภัยมาสู่อีกพื้นที่หนึ่ง โดยเป็นการทำงานเพื่อที่จะมีรายได้ แต่ก็เข้าใจถึงสภาวะความตึงเครียดความกดดัน ซึ่งทูตบอกว่าคงต้องให้เวลากับพี่น้องแรงงานด้วย ไม่ใช่ย้ายออกมาแล้วให้ทำงานทันที เพราะส่งผลต่อสภาพจิตใจ แต่ประเภทที่ถูกขายเป็นแรงงาน ทางทูตบอกว่าไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น และเชื่อว่ากรณีนี้แรงงานมีสิทธิที่จะปฏิเสธได้ หากสภาพจิตใจยังไม่พร้อม และส่วนตัวคิดว่านายจ้างไม่น่าจะบังคับให้ไปทำงานหากอยู่ในสภาวะเสี่ยง
เมื่อถามว่ามีการแจ้งว่ามีแรงงานเสียชีวิตเพิ่มเติมมากกว่านี้นั้น โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า หลังจากที่มีข่าวว่าเสียชีวิตเพิ่มขึ้น ทางสถานทูตได้ติดต่อกับทางการอิสราเอลทันทีเพื่ออพยพคนออก ซึ่งทางฝ่ายอิสราเอลแสดงก็ได้แสดงความเสียใจอย่างยิ่งและไม่อยากให้เกิดเหตุและขอให้เข้าใจข้อจำกัดที่จะอพยพโยกย้ายออกมา แต่พยายามอย่างเต็มที่ และสำหรับน้ำดื่ม เสบียง อาหารต่าง ๆ ก็มีความยากลำบาก แต่การช่วยเหลือต้องมาจากทางการอิสราเอลและทางทหารที่จะเข้าไปในพื้นที่ซึ่งทางการอิสราเอลก็พยายามอยู่ . – สำนักข่าวไทย