กรุงเทพฯ 10 ต.ค. – “รมว.ธรรมนัส” สั่ง กยท.-กรมวิชาการเกษตร ตรวจสอบสตอกยางพารา หนึ่งในมาตรการป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้ายางเถื่อน ย้ำห้ามส่งตัวเลขปลอม ผู้ว่าการ กยท. เผยราคายางพาราขยับขึ้น 4-5 บาทต่อกิโลกรัม จากการปราบเข้มยางเถื่อน ประกอบกับผลผลิตลดลง
ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์กล่าวว่า สั่งการให้การยางแห่งประเทศไทย (กยท.) และกรมวิชาการเกษตรร่วมตรวจสอบสตอกยางพาราในประเทศ ควบคู่กับบูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องป้องกันและปราบปรามการลักลอบนำเข้ายางพาราอย่างจริงจัง โดยให้รายงานทุก 15 วัน พร้อมย้ำว่า ห้ามรายงานตัวเลขปลออย่างเด็ดขาด โดยจากการดำเนินการดังกล่าว ส่งผลให้ราคายางพาราปรับเพิ่มขึ้นแล้ว 4-5 บาทต่อกิโลกรัม
นายณกรณ์ ตรรกวิรพัท ผู้ว่าการการยางแห่งประเทศไทยเผยว่า กำลังเร่งสำรวจผลผลิตยางเพื่อรายงานต่อร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตลอดจนร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องปราบปรามยางเถื่อนอย่างจริงจัง ตามนโยบายของร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
ขณะนี้หน่วยงานที่รับผิดชอบและเกี่ยวข้องทั้งในและนอกสังกัดกระทรวงเกษตรฯ ได้บูรณาการความร่วมมือและจัดตั้งคณะทำงานแก้ปัญหาการนำเข้าและส่งออกสินค้าด้านพืชผิดกฎหมายขึ้น ซึ่งได้ประชุมหารือร่วมกำหนดแผน แนวทางการปราบปราม ทั้งการตรวจสตอกยางตามแนวชายแดน การเคลื่อนย้าย รวมถึงรวบรวมข้อมูลปริมาณยางคงเหลือ โดยเริ่มปฏิบัติการตามแนวทางที่วางไว้ทันที พร้อมรายงานผลการดำเนินงานให้คณะทำงานฯ ทราบทุก 15 วัน
กยท. ยังเข้าตรวจสถานประกอบการผู้รับใบอนุญาตค้ายาง ร่วมกับพาณิชย์จังหวัดและหน่วยงานปกครอง เข้าตรวจสอบทะเบียนร้านค้า การทำบัญชีผู้รับซื้อยางพารา พร้อมชี้แจงให้ร้านค้าในพื้นที่ทราบเกี่ยวกับโทษในการรับซื้อยางพาราที่ผิดกฎหมายหรือหลีกเลี่ยงภาษี และกำกับควบคุมสถาบันเกษตรกรฯ ไม่ให้รับซื้อยางที่ผิดกฎหมาย ตลอดจนร่วมกับหน่วยงานความมั่นคงตั้งจุดสกัด โดยหลังจากนี้จะร่วมกับกรมวิชาการเกษตรเข้าตรวจสตอกยาง ซึ่งเป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ. ควบคุมยาง พ.ศ.2542 ในความรับผิดชอบหลักของกรมวิชาการเกษตร ซึ่งพนักงานของ กยท. ได้รับการแต่งตั้งเพิ่มเติม ตามประกาศกระทรวงเกษตรฯ เมื่อวันที่ 22 มิ.ย. 60
ทั้งนี้ กยท. เตรียมจัดสรรงบประมาณเพื่อใช้ในการสนับสนุนการดำเนินการควบคุมปริมาณการนำเข้าสินค้าเกษตรจากประเทศเพื่อนบ้าน ตลอดจนมอบหมายให้ กยท.จังหวัด และ กยท. สาขา ที่อยู่ในพื้นที่เขตพรมแดน ดำเนินการสำรวจการผลิตยางธรรมชาติของเกษตรกร ทั้งปริมาณ รูปแบบของผลผลิตยางที่ขาย จำแนกเป็นน้ำยางสด ยางก้อนถ้วย ยางแผ่นดิบ และนำมาประมวลผลเพื่อทำข้อมูลห่วงโซ่อุปทานการผลิตยางธรรมชาติในประเทศ เชื่อมโยงตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ เพื่อช่วยให้ทราบว่า ปริมาณยางที่ขายในตลาดหรือพื้นที่นั้นๆ มียางเถื่อนปนอยู่ด้วยหรือไม่ และตั้งเป้าหมายสำรวจให้ครอบคุมทั่วประเทศ นำข้อมูลมาคำนวณและจัดทำสมดุลยางพาราและเป็นกลไกในการขับเคลื่อนให้ราคายางเพิ่มสูงขึ้นได้
ผู้ว่าการ กยท. กล่าวเพิ่มเติมว่า จากนโยบายของ รมว. กษ. ที่มุ่งเน้นการบริหารจัดการยางพาราอย่างรอบด้าน ลงมือแก้ปัญหาอย่างรวดเร็วและจริงจัง ส่งผลให้ราคายางพาราในปัจจุบันขยับสูงขึ้น ประกอบประมาณผลผลิตยางช่วงนี้ที่มีปริมาณลดลง เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ มีฝนตกหนักและเกิดอุทกภัยในหลายพื้นที่ซึ่งส่งผลต่อราคายาง โดยปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 4-5 บาทต่อกิโลกรัมแล้ว คาดว่า จะมีแนวโน้มอยู่ในทิศทางที่ดีต่อเนื่อง
สำหรับราคายางพาราวันนี้ ราคาน้ำยางสด 50.00 บาท/กิโลกรัม ยางแผ่นดิบ 49.15 บาท/กิโลกรัม และยางแผ่นรมควันชั้น 3 อยู่ที่ 53.42 บาท/กิโลกรัม .-สำนักข่าวไทย