กทม.6 ก.ค.- “อ.สังศิต” ยันในงานเสวนา ไม่เคยหมิ่นองค์กรตำรวจหรือตำรวจทั่วประเทศ แต่ยินดีเข้ารับทราบข้อกล่าวหาเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ ส่วนจะถูกกลั่นแกล้งหรือไม่นั้น ไม่ติดใจ
รองศาสตราจารย์สังศิต พิริยะรังสรรค์ คณบดีวิทยาลัยนวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต เข้าพบพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี รับทราบข้อกล่าวหาร่วมกันหมิ่นประมาท หลังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติมีคำสั่งให้กองกฎหมายและคดี แจ้งความเอาผิดรองศาสตราจารย์สังศิต กรณีร่วมอภิปรายในงานเสวนาเชิงวิชาการหัวข้อ “ตำรวจไทย มีไว้ทำอะไร” โดยองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา มีพันตำรวจเอกวิรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร อดีตรองผู้บังคับการจเรตำรวจ ตกเป็นผู้ต้องหาร่วม และเข้ารับทราบข้อกล่าวหาไปก่อนหน้านี้ มีนายวิทยา แก้วภราดัย และนายถาวร เสนเนียม มาให้กำลังใจ
รองศาสตราจารย์สังศิต ยินดีเข้ารับทราบข้อกล่าวหา แต่ปฏิเสธไม่ได้หมิ่นประมาทหรือดูหมิ่นสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หัวข้อ “ตำรวจไทย มีไว้ทำไม” เป็นหัวข้อที่องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันฯ เป็นผู้จัด ซึ่งเป็นงานเสวนาเชิงวิชาการ และตนเห็นว่าองค์กรนี้ทำงานด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต จึงยินดีมาเป็นวิทยากรและแสดงความคิดเห็นหรือแนวคิดและหลักการปฏิรูปตำรวจว่าควรทำอย่างไร เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากสถาบันแห่งนี้ ไม่มีเยาะเย้ย ถากถาง ดูหมิ่นดูแคลนหน่วยงานหรือบุคคลใด ไม่ได้กล่าวถึงชื่อสำนักงานตำรวจแห่งชาติ หรือชื่อนายตำรวจคนใดทั้งสิ้น อีกทั้งในรัฐธรรมนูญก็มีหัวข้อเรื่องการปฏิรูปตำรวจภายใน 1 ปี ซึ่งมีความสอดคล้องกับหัวข้อที่จัดเสวนา ถือเป็นการแสดงความคิดเห็นที่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญและนโยบายของรัฐบาล ส่วนคำพูดที่ว่า “ตำรวจไทย มีไว้ทำไมนั้น” ตนพูดในฐานะที่เป็นหัวข้องานเสวนา ทั้งนี้ เคยมีคำวินิจฉัยของศาลฎีกาว่าไม่สามารถหมิ่นประมาทองค์กรได้ หมิ่นประมาทได้เฉพาะตัวบุคคลเท่านั้น
ด้านพันตำรวจโทศิริพงษ์ ภูมิเหล่าแจ้ง หัวหน้าพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี กล่าวว่า เมื่อผู้ต้องหาเข้ารับทราบข้อกล่าวหา จะพิมพ์ลายนิ้วมือ แจ้งข้อหาให้ทราบ สอบประวัติและสอบปากคำ ก่อนจะอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวโดยไม่มีเงื่อนไข เนื่องจากผู้ต้องหามีที่อยู่เป็นหลักแหล่ง ไม่มีพฤติการณ์หลบหนี ยินยอมเข้ามอบตัวเอง ทั้งนี้ อยู่ระหว่างรอผลการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดส่งให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาให้ความเห็นทางคดีภายใน 2 สัปดาห์ โดยนายสังศิตต้องมารายงานตัวในวันส่งฟ้องด้วย สำหรับคดีนี้มีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ.- สำนักข่าวไทย