กรุงเทพฯ 2 ต.ค. – รมว. ธรรมนัสสั่งกรมชลประทานบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพสูงสุดตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี พร้อมกำชับให้ทุกหน่วยงานช่วยเหลือเกษตรกรที่ประสบภัยเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้ได้มากที่สุด
ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ประชุมกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีผ่านระบบ VDO conference เพื่อรับข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรีในการคลี่คลายสถานการณ์อุทกภัย โดยวานนี้ร้อยเอกธรรมนัสอยู่ระหว่างติดตามสถานการณ์น้ำท่วมใน 3 จังหวัดคือ ลำปาง แพร่ และสุโขทัย
ร้อยเอกธรรมนัสกล่าวว่า กำชับให้กรมชลประทานบริหารจัดการน้ำและเร่งระบายน้ำอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดเพื่อผลกระทบจากปริมาณน้ำล้นตลิ่งและน้ำท่วมขังในพื้นที่ต่างๆ ประกอบด้วย ลุ่มน้ำวังซึ่งมีพื้นที่น้ำท่วมเนื่องจากปริมาณน้ำในแม่น้ำวังล้นตลิ่ง ส่งผลกระทบกับจังหวัดลำปางและตากบางส่วน ลุ่มน้ำยม-น่าน จากปริมาณฝนที่ตกในเขตจังหวัดแพร่ ทำให้ปริมาณน้ำในแม่น้ำยมเพิ่มสูงขึ้น เริ่มมีผลกระทบกับจังหวัดสุโขทัยบางส่วน
สำหรับลุ่มน้ำเจ้าพระยา ปริมาณน้ำที่จังหวัดนครสวรรค์ (สถานี C.2) ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปริมาณน้ำในแม่น้ำปิงและแม่น้ำน่านยังคงสูงขึ้น ทำให้ต้องมีการบริหารจัดการน้ำและจัดจราจรน้ำในพื้นที่ลุ่มน้ำเจ้าพระยาตอนล่าง โดยควบคุมปริมาณน้ำไหลผ่านเขื่อนเจ้าพระยาให้มีผลกระทบต่อพื้นที่ท้ายน้ำน้อยที่สุด
ส่วนลุ่มน้ำชี-มูล พื้นที่ตอนบนของลุ่มน้ำชีปริมาณน้ำเริ่มลดลงอย่างต่อเนื่องส่วนในพื้นที่แม่น้ำชีตอนล่างยังคงมีน้ำล้นตลิ่งบริเวณจังหวัดกาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด และจังหวัดยโสธร แต่มีแนวโน้มลดลง ในลุ่มน้ำมูล มีน้ำท่วมบริเวณจังหวัดอุบลราชธานี เนื่องจากปริมาณน้ำลันตลิ่งบริเวณสถานี M. 7 อำเภอวารินชำราบ โดยปริมาณน้ำดังกล่าวจะไหลลงสู่แม่น้ำโขง ซึ่งได้รับรายงานจากกรมชลประทานว่า ปัจจุบันระบายน้ำได้อย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ได้มอบหมายกรมชลประทานจัดเตรียมเครื่องจักร-เครื่องมือ พร้อมเจ้าหน้าที่คอยให้ความช่วยเหลือราษฎรแต่ละพื้นที่ และบูรณาร่วมกับส่วนท้องถิ่น และภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน พร้อมสั่งให้จัดทำแผนการดำเนินงานในแต่ละพื้นที่ และในภาพรวมของจังหวัด ตรงไหนที่สามารถเป็นพื้นที่กักเก็บน้ำได้ให้ดำเนินการทันที ขณะเดียวกันสั่งการให้หน่วยงานอื่นๆ ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ช่วยเหลือเกษตรกรให้ได้มากที่สุด
ร้อยเอกธรรมนัสได้นำถุงยังชีพมอบแก่ผู้ประสบภัยในจังหวัดลำปาง โดยจังหวัดลำปาง มีพื้นที่ 7,833,726 ไร่ เป็นพื้นที่เกษตรกรรม 1,036,512 ไร่ หรือร้อยละ 13.23 พืชเศรษฐกิจที่สำคัญ ได้แก่ ข้าวนาปี ข้าวนาปรัง ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ มันสำปะหลัง สับปะรด ส้มเกลี้ยง และยางพารา ซึ่งในช่วง 27 – 30 ก.ย. 66 ที่ผ่านมา เกิดในตกหนัก น้ำล้นตลิ่งไหลเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนและพื้นที่เกษตร 8 อำเภอ 35 ตำบล 144 หมู่บ้าน ปัจจุบันมีการประการเขตภัยพิบัติ 5 อำเภอ
ทั้งนี้ ในปี 2567 กรมชลประทานมีแผนดำเนินการในการสร้างอ่างเก็บน้ำ จำนวน 2 แห่ง และแก้มลิ้ง 2 แห่ง เพื่อเก็บกักน้ำในพื้นที่ต้นน้ำและลุ่มน้ำสาขา อีกทั้งยังเป็นการช่วยเหลือทางด้านการเกษตรและบรรเทาอุทกภัยด้วย.-สำนักข่าวไทย