ค่าข่าว-ค่าข้าว สินน้ำใจหรือสินบน???

กรุงเทพฯ 28 ก.ย. – จากเรื่องร้อนภายในองค์กรตำรวจสะเทือนวงการสื่อ น้ำใจจาก “บิ๊กโจ๊ก” ทำองค์กรสื่อปั่นป่วน หลังอ้างให้เงินค่าข้าว ค่าเดินทาง กับสื่อมวลชนบางราย ระบุเป็น “สินน้ำใจ ไม่ใช่สินบน” องค์กรวิชาชีพสื่อ “รับไม่ได้” เดินหน้าตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างสื่อกับแหล่งข่าว แค่ไหนถึงเรียกว่า “ล้ำเส้น” จริยธรรมวิชาชีพสื่อ


แม้ศึกชิงผู้นำสีกากีจะจบลงแล้ว เพราะสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ คือ พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล หรือ “บิ๊กต่อ” แต่ Effect จากการแต่งตั้ง ผบ.ตร. ครั้งนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่งผลต่อภาพลักษณ์องค์กรตำรวจ ในสายตาประชาชนเป็นอย่างมาก

จากการเดินเกมงัดข้อ วัดพลัง เล่นวงใน ปล่อยหมัดฮุก จนเป็นข่าวใหญ่ครึกโครม กรณีตำรวจไซเบอร์บุกค้นบ้าน “บิ๊กโจ๊ก” แม้จะไม่มีหลักฐานยืนยันได้ว่าปฏิบัติการครั้งนี้เกี่ยวข้องหรือไม่กับการแต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ แต่นักวิชาการตำรวจก็ได้ให้ความเห็นไว้น่าสนใจว่า “มีนัยสำคัญอย่างเลี่ยงไม่ได้”


และดูเหมือน “บิ๊กโจ๊ก” จะไม่ปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปง่ายๆ เพราะได้ตั้งทนายฟ้องกราวรูดคดีตำรวจค้นบ้านพักแล้ว ถือเป็นการเดินเกมโต้กลับอย่างทันควัน แต่ใครจะคาดคิดว่าเรื่องนี้จะกระทบชิ่งทำองค์กรสื่อปั่นป่วนไปด้วย หลัง พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกมาระบุว่ามีการให้เงินสื่อมวลชนบางรายครั้งละ 10,000 บาท เป็นค่าข้าว ค่าเดินทางไปทำข่าว รวมถึงเลี้ยงอาหารกลางวันนักข่าวที่มาทำข่าวที่สโมสรตำรวจ ตกเดือนละ 250,000 บาท ซึ่งยืนยันเป็นเงินส่วนตัว ถูกกฎหมาย ไม่ใช่เงินจากเว็บพนัน โดยให้เหตุผลว่าเป็นการอำนวยความสะดวกแก่คณะทำงาน เนื่องจากเห็นว่านักข่าวเงินเดือนน้อย ถือเป็น “สินน้ำใจ ไม่ใช่สินบน”

เรื่องนี้ร้อนถึงองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนต้องเรียกประชุมด่วน โดยนายสุปัน รักเชื้อ ประธานสภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย กล่าวกับกองบรรณาธิการข่าววิทยุ สำนักข่าวไทย (TNA Radio) ว่าทันทีที่ทราบเรื่องได้มีการเรียกประชุมด่วน ระหว่างองค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน 7 องค์กร ประกอบด้วย

• สภาการสื่อมวลชนแห่งชาติ
• สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
• สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
• สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย
• สมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์
• สหภาพแรงงานกลางสื่อมวลชนไทย
• สมาพันธ์สื่อมวลชนแห่งประเทศไทย


นายสุปัน มองว่า กรณีดังกล่าวยังเป็นเพียงการให้ข้อมูลจาก พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ เพียงฝ่ายเดียว ต้องให้เป็นธรรมกับสื่อที่ถูกกล่าวหา และองค์กรสื่อที่ผู้สื่อข่าวคนนั้นสังกัดอยู่ด้วย โดยทั้ง 7 องค์กรแสดงจุดยืนว่าสื่อมวลชนที่รับเงินจากแหล่งข่าว เพื่อกระทำการหรือไม่กระทำการใดๆ ถือเป็นเรื่องที่ละเมิดจริยธรรมวิชาชีพอย่างร้ายแรง ไม่สามารถยอมรับได้ ดังนั้น จึงมีมติร่วมกันดังนี้

  1. เห็นชอบให้จัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง เพื่อสร้างความกระจ่างชัดในทุกประเด็นที่เกี่ยวข้องต่อสาธารณชน
  1. ขอให้องค์กรต้นสังกัดที่ถูกระบุว่ามีนักข่าวรับเงิน รวมทั้งองค์กรสื่อมวลชนอื่นๆ ดำเนินการตรวจสอบว่านักข่าวในสังกัดมีพฤติกรรมตามที่ถูกระบุหรือไม่ และให้แจ้งผลการดำเนินการต่อสาธารณะทราบ ส่วนบุคคลหรือกลุ่มบุคคลที่ไม่มีต้นสังกัด และกระทำการเป็นนักข่าวเพื่อส่งข่าวต่อไปยังสำนักข่าวต่างๆ แต่มีพฤติกรรมละเมิดจริยธรรมวิชาชีพนั้น ขอให้ทุกองค์กรสื่อมวลชนพิจารณายุติการซื้อข่าวจากบุคคลหรือกลุ่มดังกล่าว 3.กรณีที่มีนักข่าวมีส่วนพัวพันหรือไปเกี่ยวข้องกับการรับเงินในธุรกิจที่ผิดกฎหมาย คณะกรรมการที่จะตั้งขึ้นโดยสภาวิชาชีพข้างต้น จะดำเนินการตรวจสอบด้านจริยธรรมวิชาชีพเช่นกัน ส่วนความผิดตามกฎหมายนั้น เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมาย โดยจะใช้เวลาตรวจสอบ 1 เดือน

จากเหตุการณ์ครั้งนี้ สื่อมวลชนอาจถูกตั้งคำถามถึงความน่าเชื่อถือและจริยธรรมวิชาชีพสื่อ เป็นสิ่งที่องค์กรวิชาชีพสื่อและคนทำงานสื่อสารมวลชนไม่อาจยอมรับได้ เพราะนั่นหมายถึง ได้ทำลายความเชื่อมั่นและความไว้วางใจของสาธารณชนที่มีต่อสื่อมวลชนไปด้วย ดังนั้น การรักษาความสัมพันธ์ระหว่างแหล่งข่าวกับสื่อ จึงเหมือนมีเส้นบางๆ กั้นไว้ การอ้างว่าให้ด้วยความเห็นใจเป็นเพียง “สินน้ำใจ ไม่ใช่สินบน” แค่ไหนถึงเรียกว่า “ล้ำเส้น” จริยธรรมวิชาชีพสื่อ เรื่องนี้คือสิ่งที่องค์กรวิชาชีพสื่อต้องคลี่ให้คลายสลายให้กระจ่าง.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ประหารชีวิตแอมไซยาไนด์

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์”

ศาลอาญาพิพากษาประหารชีวิต “แอม ไซยาไนด์” ส่วนอดีตสามี คุก 1 ปี 4 เดือน “ทนายพัช” คุก 2 ปี ไม่รอลงอาญา ชดใช้ ให้ผู้เสียหายกว่า 2 ล้านบาท

นายกฯ ถกตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก

นายกฯ ถกแต่งตั้งนายพลตำรวจ 41 ตำแหน่ง ยันไม่มีการเมืองแทรก ยึดตาม พ.ร.บ.ตำรวจ ฉบับใหม่ พลิกโผ ‘สยาม บุญสม’ ผงาดคุมนครบาล ‘สันติ ชัยนิรามัย’ นั่ง ผบช.ปส. ‘ไตรรงค์ ผิวพรรณ’ โยกคุมไซเบอร์ ‘ภาณุมาศ บุญญลักษม์’ ขึ้นเป็น ผบช.สตม.

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้าน

ดีเอสไอพบเส้นเงินโอนจากแม่ถึงนักการเมือง ส. เกือบ 100 ล้านบาท จำนวนนี้พบโอนจาก “บอสพอล-บอสปีเตอร์” ด้วย เร่งขยายผลมีบอสรายอื่นโอนเข้าบัญชีดังกล่าวอีกหรือไม่

ข่าวแนะนำ

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

นายกฯ โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์

“นายกฯ แพทองธาร” โชว์วิสัยทัศน์บนเวที Forbes Global CEO Conference ครั้งที่ 22 ดันเศรษฐกิจไทย ส่งเสริมซอฟต์พาวเวอร์ รับมือความท้าทาย ชูจุดเด่นไทยอยู่ตรงกลางของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีภาคการเกษตรที่เข้มแข็งดึงดูดนักลงทุน บอกกระตุ​้นเศรษฐกิจ​แจกเงินหมื่นเฟส​ 2 พุ่งเป้าเงินสะพัด ลั่น​จุดยืนไทยวางตัวเป็นทูตสันติภาพ พร้อมปรับตัวตามนโยบาย “ทรัมป์”

วางระเบิด 4 ลูก เกาะกลางถนนหน้าโรงเรียน จ.นราธิวาส

เช้ามืดวันนี้ (21 พ.ย.) เกิดระเบิดขึ้นอีก 4 ลูก บริเวณเกาะกลางถนนหน้าโรงเรียนบ้านฮูแตทูวอ ต.โคกเคียน อ.เมือง จ.นราธิวาส เบื้องต้นไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน