ร้อยเอ็ด 4 ก.ค. – เลขาฯ คปภ.ลงพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด ตรวจแบงก์ขายประกัน กำชับปฏิบัติตามประกาศ คปภ.อย่างเคร่งครัด
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ คณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (คปภ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคมที่ผ่านมาตนและคณะผู้บริหารระดับสูงจากส่วนกลางร่วมกับผู้อำนวยการภาค 5 ผู้อำนวยการ สำนักงาน คปภ. จังหวัดร้อยเอ็ดและเจ้าหน้าที่สังกัดสำนักงาน คปภ. ภาค 5 ตรวจธนาคารพาณิชย์หลายแห่งในพื้นที่อำเภอเมือง จังหวัดร้อยเอ็ด เพื่อติดตามการปฏิบัติตามประกาศ คปภ. เกี่ยวกับการขายผลิตภัณฑ์ประกันภัยผ่านธนาคารพาณิชย์
ทั้งนี้ พบว่ามีประเด็นที่หมิ่นเหม่ไม่สอดคล้องกับประกาศ คปภ. เช่น แบบฟอร์มใบสมัครบัตรเดบิทที่มีบริการประกันภัยไม่ได้ระบุค่าเบี้ยประกันแยกจากค่าธรรมเนียมบัตร ซึ่งอาจทำให้ผู้บริโภคสับสน พนักงานธนาคารที่เสนอขายประกันวินาศภัยแสดงใบอนุญาตนายหน้าหมดอายุ และมีการชี้แจงว่าได้ต่อใบอนุญาตแล้ว แต่ไม่สามารถนำหลักฐานมาแสดงได้ นอกจากนี้ บางธนาคารไม่มีป้ายแบ่งโซนการเสนอขายประกันให้ชัดเจน โดยใช้ป้ายระบุคำกว้าง ๆ ว่า “บริการทางการเงิน” ทำให้ประชาชนเกิดความสับสน อีกทั้งยังพบว่าเอกสารแนะนำผลิตภัณฑ์และแบบฟอร์มใบสมัครฯ ของบางธนาคารไม่ชัดเจน ทำให้ลูกค้าอาจเกิดความสับสนและไม่ทราบว่าผลิตภัณฑ์ที่ซื้อเป็นผลิตภัณฑ์ประกันภัย
นอกจากนี้ เลขาฯ คปภ.มีข้อห่วงใยและได้กำชับให้มีการตรวจติดตามเพิ่ม เพื่อจะได้มีการแก้ไขให้เกิดความชัดเจนโดยเร็ว คือ การที่ธนาคารแห่งหนึ่งมีการให้บริการประกันภัยร่วมกับบัญชีเงินฝาก โดยมีการหักค่าดอกเบี้ยเงินฝากในกรณีที่มีบริการประกันภัยดังกล่าว แม้ทางธนาคารจะชี้แจงว่าไม่ใช่เบี้ยประกันภัย แต่เมื่อพิจารณาแล้วการหักดอกเบี้ยกรณีนี้ก็สุ่มเสี่ยงต่อการถูกมองว่าเป็นการหักดอกเบี้ยเงินฝากเพื่อนำมาชำระเป็นค่าเบี้ยประกันภัยโดยที่ไม่ได้แจ้งลูกค้าว่ามีการชำระเบี้ยประกันภัย และไม่มีรายละเอียดที่ชัดเจนในเรื่องนี้ จึงหมิ่นเหม่ต่อการฝ่าฝืนประกาศของ คปภ.
เบื้องต้น เลขาฯ ได้แจ้งให้สาขาธนาคารดังกล่าวรีบปรับปรุง เพื่อไม่ให้เกิดความสับสน พร้อมกำชับ สำนักงาน คปภ. ภาค 5 และสำนักงาน คปภ.จังหวัดร้อยเอ็ดให้กลับมาตรวจติดตามบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง เพื่อคุ้มครองสิทธิประโยชน์แก่ประชาชนให้เกิดประสิทธิภาพ รวมทั้งให้ทำรายงานผลการตรวจธนาคารครั้งนี้อย่างเป็นระบบอีกด้วย ซึ่งจะได้รีบนำประเด็นข้อห่วงใยไปหารือกับสมาคมธนาคารไทยเพื่อให้มีการปรับปรุงโดยเร่งด่วน.-สำนักข่าวไทย