คปภ.มอบรางวัลประกันภัยดีเด่นครบวงจร

กรุงเทพฯ​ 22 ต.ค.​ – รองนายกรัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​การคลัง​ เป็น​ประธาน​งานมอบรางวัลประกันภัยดีเด่นครบวงจร (Prime Minister’s Insurance Awards) ประจำปี 2567 ที่จัดโดยคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ประกันภัย


นายชูฉัตร ประมูลผล เลขาธิการคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจ ประกันภัย (เลขาธิการ คปภ.) เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย (สำนักงาน คปภ.) ได้จัดงานมอบรางวัลประกันภัยดีเด่นครบวงจร ประจําปี 2567 (Prime Minister’s Insurance Awards 2024) ภายใต้แนวคิด NEXT GEN SUSTAINABLE INSURANCE : นวัตกรรมประกันภัยที่ยั่งยืนสู่โลก แห่งอนาคต ณ ห้องเวิลด์บอลรูม ชั้น 23 โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ โดยได้รับเกียรติจาก นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานมอบรางวัล ประกันภัยดีเด่นครบวงจร ประจำปี 2567 (Prime Minister’s Insurance Awards 2024) ซึ่งเป็นรางวัลเกียรติยศ ที่นายกรัฐมนตรีอนุญาตให้ใช้ลายมือชื่อสลักลงบนโล่เกียรติยศ เพื่อเป็นการประกาศเกียรติคุณและแบบอย่างที่ดีในการประกอบธุรกิจประกันภัย รวมทั้งเป็นการเชิดชูเกียรติ บุคคล หน่วยงาน สถาบัน บุคคลหรือกลุ่มบุคคลตัวอย่างที่มีผลงานดีเด่นในการเป็นผู้ประกอบวิชาชีพด้านการประกันภัย

โดยปีนี้ได้มีการพิจารณาคัดเลือกอย่างเป็นธรรมและเข้มข้นภายใต้กรอบกติกาที่กำหนดไว้ แบ่งรางวัลออกเป็น 12 ประเภทรางวัล จำนวนรวม 53 รางวัล ประกอบด้วย 1. รางวัลบริษัทประกันภัยเกียรติยศสูงสุด (Hall of Fame) ได้แก่ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) 2. รางวัลบริษัทประกันภัยที่มีการบริหารงานดีเด่น มี 7 รางวัล แบ่งเป็น รางวัลบริษัทประกันชีวิตที่มีการบริหารงานดีเด่น จำนวน 3 รางวัล ได้แก่ อันดับที่ 1 บริษัท ไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) อันดับที่ 2 บริษัท กรุงเทพประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) อันดับที่ 3 บริษัท ไทยสมุทรประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และรางวัลบริษัทประกันวินาศภัยที่มีการบริหารงานดีเด่น จำนวน 4 รางวัล ได้แก่ อันดับที่ 1 บริษัท ทิพย ประกันภัย จำกัด (มหาชน) อันดับที่ 2 บริษัท เมืองไทยประกันภัย จำกัด (มหาชน) อันดับที่ 3 บริษัท ธนชาตประกันภัย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท มิตซุย สุมิโตโม อินชัวรันซ์ จำกัด สาขาประเทศไทย 3. รางวัลบริษัทประกันภัยที่มีการพัฒนาดีเด่น จำนวน 2 รางวัล แบ่งเป็น รางวัลบริษัทประกันชีวิตที่มีการพัฒนาดีเด่น ได้แก่ บริษัท พรูเด็นเชียล ประกันชีวิต (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และรางวัลบริษัทประกันวินาศภัยที่มีการพัฒนาดีเด่น ได้แก่ บริษัท เอ็ม เอส ไอ จี ประกันภัย (ประเทศไทย) (มหาชน) 4. รางวัลบริษัทประกันภัยที่มีการส่งเสริมกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อประชาชนดีเด่น จำนวน 2 รางวัล แบ่งเป็น รางวัล บริษัทประกันชีวิตที่มีการส่งเสริมกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อประชาชนดีเด่น ได้แก่ บริษัท เมืองไทยประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) และรางวัลบริษัทประกันวินาศภัยที่มีการส่งเสริมกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อประชาชนดีเด่น ได้แก่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จํากัด (มหาชน)


  1. รางวัลนายหน้าประกันภัยนิติบุคคลที่มีการส่งเสริมกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อประชาชนดีเด่น จำนวน 2 รางวัล แบ่งเป็น รางวัลบริษัทนายหน้าประกันชีวิตนิติบุคคลที่มีการส่งเสริมกรมธรรม์ประกันภัยเพื่อประชาชนดีเด่น ได้แก่ บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด และรางวัลบริษัทนายหน้าประกันวินาศภัยนิติบุคคลที่มีการส่งเสริมกรมธรรม์ประกันภัย เพื่อประชาชนดีเด่น ได้แก่ บริษัท ทีคิวเอ็ม อินชัวร์รันส์ โบรคเกอร์ จำกัด 6. รางวัลนายหน้าประกันภัยนิติบุคคลคุณภาพดีเด่น จำนวน 6 รางวัล แบ่งเป็น รางวัลนายหน้าประกันชีวิตนิติบุคคลคุณภาพดีเด่น (จำนวน 2 รางวัล) ได้แก่ บริษัท ไทยพาณิชย์​ โพรเทค จำกัด บริษัท ศรีกรุงประกันชีวิต โบรคเกอร์ จำกัด และรางวัลนายหน้าประกันวินาศภัยนิติบุคคลคุณภาพดีเด่น (จำนวน 4 รางวัล) ได้แก่ บริษัท ที คิว อาร์ จำกัด (มหาชน) บริษัท ทีที อินชัวรันซ์ โบรกเกอร์ (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท ยูพีดี โบรคเกอร์ จำกัด บริษัท ฮาวเต้นแมกซี่ อินชัวรันส์ โบรกเกอร์ จำกัด 7. รางวัลบริษัทประกันภัยที่มีการพัฒนาด้านความยั่งยืน ในธุรกิจประกันภัยดีเด่น จำนวน 2 รางวัล แบ่งเป็น รางวัลบริษัทประกันชีวิตที่มีความยั่งยืนดีเด่น ได้แก่ บริษัท เอไอเอ จำกัด และรางวัลบริษัทประกันวินาศภัยที่มีความยั่งยืนดีเด่น ได้แก่ บริษัท กรุงเทพประกันภัย จำกัด (มหาชน)
  2. รางวัลบริษัทประกันภัยที่สร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยีประกันภัยดีเด่น จำนวน 2 รางวัล แบ่งเป็น รางวัล บริษัทประกันชีวิตที่สร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยีประกันภัยดีเด่น ได้แก่ บริษัท เอไอเอ จำกัด และรางวัลบริษัทประกัน วินาศภัยที่สร้างสรรค์นวัตกรรมเทคโนโลยีประกันภัยดีเด่น ได้แก่ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) 9. รางวัลผู้ทำ คุณประโยชน์ต่อสำนักงาน คปภ. และระบบประกันภัย ได้แก่ ดร.นภัสนันท์ พรรณนิภา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ทีคิวเอ็ม อัลฟา จํากัด (มหาชน) 10. รางวัลตัวแทนประกันชีวิตคุณภาพดีเด่น จำนวน 16 ราย ได้แก่ นางสาวกรวรรณ คงด้วง นางสาวเกศิณี เพ็ชรแสนงาม นางชวนพิศ พูลทวี นางสาวณัฐชานันท์ นันทพงศ์โภคิน นายทศพร อินคล้า นางสาวธัญณลัคน์ วรินทร์พงศ์ นางสาวธิดาจิตร มุขมณี นางสาวประภาภรณ์ โพลดพลัด นางสาวผานิต หมื่นสันธิ นายพงศ์ภวัน เศรษฐ์ธนันท์ ดร.เพ็ญพิชา สร้างการนอก นายภัทจ์ สิทธิร่ำรวย นางภัทนี ศิริวารินทร์ นายรัฐวิชญ์ อัศวหิรัญพณิช นางสาวศันส์สิริ สิริทวีวัจน์ นางอรวรรณ ผันเผาะ และรางวัลตัวแทนประกันวินาศภัยคุณภาพดีเด่น จำนวน 2 ราย ได้แก่ นายกอบเดช รอดรัต และ นางสาวขวัญฤทัย มโนรส 11. รางวัลอาสาสมัครประกันภัยดีเด่น จำนวน 3 รางวัล แบ่งเป็น รางวัลชนะเลิศ นายรัฐยาทิภัฏ วงศ์สัมฤทธิ์ รางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 1 นายวันชัย ศรีเหนี่ย และรางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 นายนนท์ปวิธ แก้วนุ่ม และ 12. รางวัลอัจฉริยะยุวชนประกันภัย การประกวดโรงเรียน ต้นแบบด้านการประกันภัยดีเด่น ประจำปี 2567 รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ โรงเรียนเทพศิรินทร์พุแค จังหวัดสระบุรี รางวัล รองชนะเลิศ อันดับ 1 ได้แก่ โรงเรียนทีปังกรวิทยาพัฒน์ (มัธยมวัดหัตถสารเกษตร) ในพระราชูปถัมภ์ สมเด็จพระบรม โอรสาธิราชเจ้าฟ้ามหาวชริราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร จังหวัดปทุมธานี และรางวัลรองชนะเลิศ อันดับ 2 ได้แก่ โรงเรียน สมุทรสาครวิทยาลัย จังหวัดสมุทรสาคร

ในโอกาสนี้ นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้แสดงความยินดีกับผู้ได้รับรางวัลและกล่าวโดยมีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า “ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับรางวัลทุกท่าน รางวัลนี้เป็น เครื่องยืนยันถึงความพยายาม ความทุ่มเท และความสามารถในการสร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ให้กับวงการประกันภัย และเชื่อว่า ความสำเร็จของทุกท่านจะเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้ประกอบการในวงการและผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดร่วมกันผลักดัน การเติบโตของธุรกิจประกันภัยไทยในอนาคต และขอชื่นชมคณะผู้บริหารสำนักงาน คปภ. ตลอดจนผู้มีส่วนร่วมในการ จัดงานในครั้งนี้ รวมทั้งขอบคุณภาคธุรกิจประกันภัยที่ได้มีบทบาทสำคัญร่วมกับภาครัฐและสำนักงาน คปภ. ในการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนผ่านระบบประกันภัย ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะขับเคลื่อนและพัฒนา ระบบเศรษฐกิจไทยให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่องอีกด้วย.​ -512-สำนักข่าว​ไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

ศาลอาญาฯ อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท”

กรุงเทพฯ 7 ส.ค. – ศาลอาญาพระโขนง อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว “ไฮโซลูกนัท” ตีราคาประกัน 100,000 บาท หลังตำรวจนำตัวฝากขัง คดียาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ พนักงานสอบสวน สน.คลองตัน ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาพระโขนง ฝากขังครั้งที่ 1 นายธนัตถ์ หรือ ไฮโซลูกนัท อายุ 33 ปี ผู้ต้องหาคดีกระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และ พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ โดยศาลอนุญาตฝากขังตามคำร้อง ซึ่งวันนี้ผู้ต้องหาได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราว ศาลพิจารณาแล้วมีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว ตีราคาประกัน 100,000 บาท โดยผู้ต้องหานำเงินสดเป็นหลักประกันตนเอง.-สำนักข่าวไทย

รมว.ต่างประเทศ ย้ำทูตไทยทั่วโลกแจงผลประชุม GBC

7 ส.ค. – รมว.ต่างประเทศ ถกทูตไทยทั่วโลก ชื่นชมผลประชุม GBC กำชับทูตไทยทั่วโลกทำงานเชิงรุก เดินหน้าชี้แจงข้อเท็จจริง บนพื้นฐานของหลักฐานเชิงประจักษ์ ชี้ “ความจริงจะชนะทุกสิ่ง” นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมแบบออนไลน์ ร่วมกับ เอกอัครราชทูตไทย ผู้แทนสถานเอกอัครราชทูต และคณะผู้แทนถาวรไทยในต่างประเทศจาก 70 ประเทศทั่วโลก และกรมต่างๆ เพื่อชี้แจงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป General Border Committee หรือ GBC ที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมอบนโยบายและแนวทางในการดำเนินการของกระทรวงฯ และสำนักงานในต่างประเทศ เพื่อแก้ไขปัญหาสถานการณ์ชายแดนดังกล่าวอย่างบูรณาการร่วมกัน นายมาริษ กล่าวถึงผลของการประชุม GBC และข้อตกลงที่เห็นพ้องร่วมกันทั้ง 13 ข้อ ว่าเป็นพัฒนาการและก้าวสำคัญสำหรับการเจรจาการหยุดยิง บรรลุเป้าหมายที่ต้องการในเบื้องต้น ซึ่งต้องขอบคุณมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ณ ที่นี้ด้วย โดยกระทรวงพร้อมให้การสนับสนุนกระทรวงกลาโหมในการดำเนินการเจรจาต่อไป ซึ่งที่ผ่านมาได้สนับสนุนการดำเนินงานของกระทรวงกลาโหม และทำงานร่วมกันอย่างใกล้ ตั้งแต่การเป็นฝ่ายเลขาฯ การร่างเพื่อเสนอกรอบข้อตกลง โดยหลังจากนี้ไทยพร้อมเปิดรับการเจรจาทวิภาคีผ่านช่องทางทางการทูต เพื่อสนับสนุนภารกิจของกระทรวงกลาโหม ภายใต้เงื่อนไขว่าฝ่ายกัมพูชาเคารพและดำเนินการตามข้อตกลงของการเจรจาหยุดยิงต่อไป […]

ชาวบ้านยังไม่วางใจ แม้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง

อุบลราชธานี 7 ส.ค. – ชาวบ้านในพื้นที่ชายแดน จ.อุบลราชธานี ยังไม่วางใจสถานการณ์ แม้ผลประชุม GBC ไทย-กัมพูชา ทั้ง 2 ชาติเห็นพ้องข้อตกลงหยุดยิงแล้ว ค่ำคืนนี้หลายหมู่บ้านยังคงมีคำเตือนให้ออกนอกพื้นที่ หลังบางส่วนทยอยกลับเข้ามา .-สำนักข่าวไทย

กต.อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก

กระทรวงการต่างประเทศ 7 ส.ค. – กต. นำผลประชุม GBC อัปเดตสถานการณ์ไทย-กัมพูชา กับทูตไทยทั่วโลก เพื่อชี้แจงรัฐบาล-องค์การระหว่างประเทศ พร้อมประเมินระดับความเข้าใจของนานาชาติถึงสถานการณ์ ป้องกันการบิดเบือนข้อมูล นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงข่าวเกาะติดพัฒนาการสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้สรุปผลการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (General Border Committee : GBC) ไทย-กัมพูชา สมัยวิสามัญ ซึ่งนำโดย พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย โดยมีผู้แทนจากมาเลเซีย สหรัฐอเมริกา และจีน ร่วมสังเกตการณ์ ซึ่งการประชุมเป็นกลไกหารือทวิภาคีระหว่างไทย-กัมพูชา ทั้งนี้ ก่อนการประชุม GBC ประธาน GBC ของทั้ง 2 ฝ่าย ได้เข้าเยี่ยมคารวะ นายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย โดยได้ยืนยันว่ามาเลเซีย รวมถึงประเทศสมาชิกอาเซียนต่างๆ เห็นตรงกันว่าสนับสนุนให้ใช้กลไกทวิภาคีแก้ไขปัญหาระหว่างไทย-กัมพูชา สอดคล้องกับท่าทีของไทย ทั้ง 2 ฝ่ายตกลงปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่เสริมกำลังเพิ่ม หลีกเลี่ยงการกระทำที่ยั่วยุทั้งทางการทหาร […]