รัฐสภา 21 ก.ย.- “พิเชษฐ์” ยอมรับฟื้นรัฐสภาจังหวัดแน่ เพื่อให้ภารกิจสภาเข้าถึงประชาชนง่าย ยัน ไม่ได้ผลาญงบและไม่มีทุจริต
นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะรองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 กล่าวถึงกรณีที่จะฟื้นคืนชีพรัฐสภาจังหวัดว่า ตนเพิ่งประชุมเรื่องการจัดตั้งรัฐสภาจังหวัด เพื่อให้ภารกิจของรัฐสภาเข้าถึงประชาชนและประชาชนสามารถเข้าถึงรัฐสภาได้ โดยวันนี้เป็นการประชุมนัดแรก แต่กลับมีการออกข่าวว่า ตนจะผลาญงบ ซึ่งยังไม่มีการพิจารณาไปจังหวัดใดเลย และการฟื้นรัฐสภาจังหวัดครั้งนี้ เนื่องจากมีเรื่องเดิมอยู่ในสมัยที่นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ เป็นประธานสภา ได้เริ่มไว้ที่ 6 จังหวัด และพอมีการรัฐประหารได้มีการประเมินว่า 6 แห่งที่ไปเริ่มต้น ถูกคณะกรรมการ จากสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พิจารณาและบอกว่าไม่ผ่าน ทั้งที่ไม่ได้มีการทุจริตใดๆ มาวันนี้ส.ส.จากทุกพรรคมาประชุมร่วมกัน คิดที่จะเริ่มต้นในปีงบประมาณปี2567และ 2568 เพื่อให้เกิดผลว่า การตอบสนองพี่น้องประชาชนจะได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างเช่นการเข้าชื่อเสนอกฎหมายต่างๆ ที่ผ่านมายากลำบาก แต่หากมีรัฐสภาจังหวัด การเข้าชื่อเสนอกฎหมาย โดยภาคประชาชนจะทำได้เร็วขึ้น และจะได้มีกฎหมายจากภาคประชาชนมากขึ้น
ส่วนที่มีการระบุว่าส.สไม่เห็นด้วยและบอกว่าเตรียมการที่จะผลาญงบครั้งใหญ่นั้น นายพิเชษฐ์ ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นเช่นนั้น และขอชี้แจงต่อสื่อมวลชนให้เข้าใจว่า ฝ่ายนิติบัญญัติต้องการขยับขยาย ที่จะตอบสนองพี่น้องประชาชนมากขึ้น วันนี้เราจะเริ่มต้นที่จะทำให้กระบวนการนิติบัญญัติเป็นประชาธิปไตยมากขึ้นและตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชนมากขึ้น และขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดงบประมาณ เพราะเป็นการประชุมครั้งแรก หลังจากนี้ที่ประชุมคงจะได้ปรึกษาหารือ โดยใช้ฐานข้อมูลเดิมที่เคยมี ทั้งเรื่องเจ้าหน้าที่เรื่องงบประมาณ 6 แห่งที่เคยทำไว้ เพื่อเป็นพื้นฐานที่จะพิจารณาในการดำเนินการในจังหวัดต่างๆต่อไป ทั้งนี้ยืนยันว่า ไม่มีเรื่องของการทุจริตคอร์รัปชั่น
“ขณะนี้ยังไม่ได้ประเมินว่าใช้งบประมาณเท่าไหร่และในอดีตก็ใช้งบตามที่รัฐสภาได้อนุมัติไป และยืนยัน ไม่มีการทุจริตคอรัปชั่น หากมีการทุจริตก็มีหลักฐานแล้วว่าทุจริตตรงไหน งบประมาณไหนยังไม่มี จากการประเมินว่าไม่คุ้มค่า ซึ่งเป็นการประเมินของสนช. ที่คณะปฏิวัติตั้งขึ้นมา แล้วมาประเมินสภาผู้แทนราษฎร ผมคิดว่าการประเมินครั้งนั้น น่าจะเป็นเพราะอยู่ในอำนาจเผด็จการมากกว่า” นายพิเชษฐ์ กล่าว
ส่วนที่มองกันว่ารัฐสภาจังหวัดจะซ้ำซ้อนกับศูนย์ดำรงธรรมหรือไม่นั้น นายพิเชษฐ์ กล่าวว่าในส่วนของศูนย์ดำรงธรรมเป็นการทำงานของฝ่ายบริหาร ยืนยันไม่ซ้ำซ้อนแน่นอน เพราะในส่วนของรัฐสภาจังหวัดตรวจสอบฝ่ายบริหารด้วยซ้ำ
นายพิเชษฐ์ ยังกล่าวถึง การจัดสรรตำแหน่งประธานกรรมาธิการ ขอให้ติดตามวันพรุ่งนี้ (21ก.ย.)ซึ่งได้เตรียมกล่อง 2 ใบ เพื่อให้ตัวแทนพรรคการเมืองได้จับฉลาก หากตกลงกันไม่ได้ เพื่อให้ ส.ส.ลงไปทำงานเพื่อประชาชน ต้องปิดสมัยประชุม ยืนยันว่าการจับสลากเป็นความยุติธรรมที่สุดแล้ว โดยใช้หลักเหมือนกกต. แต่หากจับมาแล้ว จะนำไปสลับแลกเปลี่ยนกันก็เป็นเรื่องของพรรคการเมืองที่จะพิจารณา
ส่วนที่ขณะนี้มีการรับรองส.ส.ระยองแล้ว จะได้โควต้าประธานกรรมการเพิ่มขึ้นอีกตำแหน่งหรือไม่นั้น หากสภารับแล้วก็เป็นไปตามนั้น แต่ถ้าในวันพรุ่งนี้ยื่นไม่ทันก็ยังถือว่า ยังมีส.ส. 499 คนเหมือนเดิม ดังนั้นอยู่ที่ว่าพรรคก้าวไกลจะยื่นทันหรือไม่ ถ้าทันก็ตามสัดส่วน
นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญากุล สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า สิ่งที่เคยพิจารณาในช่วงปฏิวัติจะไม่นำมาดูเลย เพราะเป็นกรอบความคิดของคณะปฏิวัติที่มามองสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเป็นคนละแบบกัน แต่วันนี้เราต้องการให้รัฐสภาจังหวัดสามารถตรวจสอบติดตามการทำงานฝ่ายบริหาร ส่วนเรื่องสถานที่ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์จะใช้ที่ศาลากลางจังหวัด จะต้องดูความพร้อมของแต่ละจังหวัดก่อน โดยจะไม่มีการเช่าสถานที่ โดยโครงสร้างเบื้องต้นกำหนดไว้ 7 คนมาจากส่วนกลาง ทำงานควบคู่กับผู้ช่วย สส.ที่มีอยู่ 8 คน ต่อ 1 สส.เพราะ ฉะนั้นกำลังคนจะไม่มีแค่เฉพาะที่เราตั้งไว้ 7 คนเท่านั้น.-สำนักข่าวไทย