17 ก.ย.-ภารกิจของนายกรัฐมนตรีวันนี้ นอกจากเรื่องขจัดยาเสพติด เป็นวาระแห่งชาติ ยังมีประเด็นเรื่องการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ในธุรกิจการบิน โดยเฉพาะ การสร้างสนามเชียงใหม่แห่งที่ 2 หรือสนามบินล้านนา ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้พบปะประชาชน ที่อาศัยรอบสนามบิน และ ผู้บริหาร ของ AOT ด้วย
หนึ่งในภารกิจของนายกรัฐมนตรี นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ที่จังหวัดเชียงใหม่ ได้มี รับฟังปัญหาชาวบ้านรอบสนามบินหลังเตรียมขยายเวลาการบินหลังเที่ยงคืน โดยยืนยันรัฐบาลมีความตั้งใจในการสร้างสนามเชียงใหม่แห่งที่ 2 หรือสนามบินล้านนา เพื่อรองรับการท่องเที่ยวในอนาคต พร้อมรับฟังปัญหาชาวบ้านรอบสนามบินเชียงใหม่ ที่เทศบาลเมืองแม่เหียะ โดยชาวบ้านสะท้อนปัญหาว่าที่ผ่านมาแม้จะได้รับการข่วยเหลือเยียวยาจาก บมจ. ท่าอากาศยานไทย แต่หากมีการขยายเวลาการบินหลังเที่ยงคืน จะส่งกระทบทั้งผู้สูงอายุ เด็ก และคนทำงานที่ต้องพักผ่อน จึงอยากขอความช่วยเหลือจากนายกรัฐมนตรีให้ช่วยแก้ปัญหา
โดยนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ต้องการมารับฟังปัญหาและผลกระทบ ก็เพื่อหาทางแก้ปัญหาให้ โดยระยะสั้นจำเป็นต้องมีการขยายเวลาการบินเพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว ส่วนในระยะยาวรัฐบาลมีความตั้งใจที่จะสร้างสนามบินเชียงใหม่แห่งที่ 2 หรือท่าอากาศยานนานาชาติล้านนาให้เกิดขึ้นด้วย
นายกรัฐมนตรี ยังได้ พบปะผู้บริหารการท่าอากาศยานเชียงใหม่ เพื่อร่วมพูดคุยประเด็นการเพิ่มเที่ยวบินหลังเที่ยงคืนเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น ได้ผลสรุป
เกี่ยวกับการพัฒนาปรับปรุงท่าอากาศยานเชียงใหม่ เช่น การพัฒนาปรับอาคารผู้โดยสารเดิม การก่อสร้างอาคารผู้โดยสารใหม่ แต่อยู่ในพื้นที่เดิม รวมถึงการก่อสร้างสนามบินแห่งที่ 2 ในการแก้ปัญหา capacity หรือความแออัดของผู้โดยสารของสนามบินเชียงใหม่ปัจจุบันที่แม้จะมีการพัฒนาปรับปรุงสนามบินเพื่อรองรับผู้โดยสารแล้ว แต่เพื่อให้มีประสิทธิภาพรองรับผู้โดยสารได้มากขึ้นตามเป้าหมายคือ 20 ล้านคนต่อปี จึงต้องมีการก่อสร้างสนามบินแห่งที่ 2 ขึ้น ส่วนการเพิ่มเที่ยวบินหลังเที่ยงคืนนั้นก็สามารถดำเนินการได้โดยไม่ขัดต่อกฎหมายที่มีอยู่
นายกรัฐมนตรี ย้ำ AOT นอกจากดูแลเรื่อง EIA และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมต่างๆ แล้วก็ให้ดูแลเยียวยาประชาชนลดผลกระทบด้านเสียงเป็นไปอย่างเหมาะสม รวมถึงเยียวยาจิตใจด้วย พร้อมสอบถามถึงการก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่ที่ใช้เงินลงทุนประมาณ 7 หมื่นล้านบาท ระยะเวลา 7 ปี จะเกิดความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์ต่อประชาชนมากน้อยเพียงใดเมื่อเทียบกับสนามบินปัจจุบันที่ผลกำไรอยู่ที่ 2 พันล้านบาทต่อปี ซึ่ง AOT รายงานว่าเมื่อก่อสร้างสนามบินแห่งใหม่แล้วเสร็จจะสามารถมีกำไรอยู่ที่ประมาณ 3 พันล้านบาทต่อปี และสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 20 ล้านคนต่อปี ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ ทั้งนี้ ในส่วนของระยะเวลาดำเนินการ 7 ปีนั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่าเป็นระยะเวลาที่เหมาะสม และขอเร่งดำเนินการให้เป็นไปตามแผนที่กำหนดไว้เพื่อรองรับผู้โดยสารได้ตามเป้าหมายและเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจตามนโยบายรัฐบาล
พร้อมกันนี้ นายกรัฐมนตรีกล่าวถึงนโยบายฟรีวีซ่าของรัฐบาลซึ่งจะทำให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มมากขึ้นโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนนั้น ขอให้ AOT และ ตม. รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดูแลให้นักท่องเที่ยวที่เดินทางเข้ามาเกิดความประทับใจและมีความปลอดภัย
ขณะที่นายกีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทท่าอากาศยานไทยจำกัด มหาชน ยืนยันว่า มีความจำเป็นที่จะต้องขยายเวลาการบินหลังเที่ยงคืน เพื่อรองรับนักท่องจีน เกาหลี ญี่ปุ่น แต่มีมาตรการเยียวยาชัดเจน โดยพร้อมจะจ่ายค่าชดเชยในการซ่อมแซมบ้าน1-3 แสนบาท และหากได้รับผลกระทบหนัก จะรับซื้อบ้านในราคาที่เป็นธรรม
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้เดินทางตรวจเยี่ยมท่าอากาศยานเชียงใหม่ ซึ่งมีแผนจะพัฒนาระยะที่ 1 ทั้งสร้างอาคารหลังใหม่และขยายแท็กซี่เวย์เพื่อรองรับการบินที่เพิ่มขึ้น คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2572 ซึ่งจะขยายการรองรับผู้โดยสารได้มากถึง 16 นายกรัฐมนตรีจึง้เดินทางกลับเป็นเสร็จสิ้นภารกิจขึ้นเหนือในครั้งนี้.-สำนักข่าวไทย