นนทบุรี 7 ก.ย.-“ภูมิธรรม” รมว.พาณิชย์ เข้ากระทรวงวันแรก สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ย้ำให้ความสำคัญแก้ปัญหาปากท้องประชาชนเป็นเรื่องเร่งด่วน สอดคล้องแนวทางของรัฐบาลต่อการปรับลดค่าครองชีพ
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมด้วย นายนายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงพาณิชย์เวลา 08.00 น และพบปะกับผู้บริการกระทรวงอย่างไม่เป็นทางการ โดยระบุว่า วันนี้ยังไม่มีการแบ่งงานระหว่างรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เนื่องจากต้องมีการแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับผู้บริหารกระทรวงอย่างไม่เป็นทางการก่อน โดยย้ำว่าการทำงานจะต้องร่วมมือกันทำงานเป็นทีม
สำหรับเรื่องเร่งด่วน นายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า เรื่องใดที่เป็นปัญหาประชาชนและสามารถทำได้ก่อนขอให้ทำทันที เช่น การดูแลค่าครองชีพประชาชน ดูแลราคาสินค้าให้สอดคล้องกับค่าครองชีพ ประชนชนอยู่ได้และผู้ประกอบการอยู่ได้ด้วย ส่วนปัญหาการส่งออกที่ติดลบต่อเนื่องหลายเดือนนั้น จะต้องเร่งหาตลาดส่งออกใหม่ๆ โดยจะต้องทำงานเชิงรุก โดยมีทูตพาณิชย์ร่วมกันทำงาน และเร่งเจรจากรอบการค้าต่างๆ เพื่อเพิ่มโอกาสในการส่งออกโดยคำนึงถึงประโยชน์ประเทศเป็นหลัก
ขณะที่ การแก้ปัญหาสินค้าเกษตร จะนำ นโยบายรับจำนำกลับมาใช้หรือไม่นั้น นายภูมิธรรมระบุว่าทุกนโยบายมีข้อดีข้อเสีย จะพิจารณาตามความเหมาะสม โดยกฎระเบียบที่เป็นอุปสรรคทางการค้าจะต้องมีการแก้ไขเพื่อลดอุปสรรคโดยในวันที่ 14 กันยายนนี้จะมีการประชุมผู้บริหารกระทรวงพาณิชย์อย่างเป็นทางการ
ส่วนคำแถลงนโยบายวันที่ 11 กันยายนนี้ ที่มีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตุในหลายประเด็นที่ไม่มีการบรรจุไว้ในคำแถลงของรัฐบาลนั้น นายภูมิธรรม ระบุว่า นโยบายดังกล่าวเป็นกรอบกว้างๆ ครอบคลุมทุกประเด็น หากสงสัยให้สอบถามรัฐมนตรีในเรื่องที่เกี่ยวข้องได้ไม่ต้องบรรจุในคำแถลงของรัฐบาลทั้งหมด และ ขอให้เชื่อมั่นพรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาลที่ร่วมกันทำงาน เพราะหากบรรจุไปทั้งหมด อาจจะใช้เวลาแถลงนโยบายต่อรัฐสภามากกว่า 3 วัน ยืนยันไม่ผิดคำสัญญากับประชาชน อะไรที่รับปากไว้จะทำให้ได้
ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ จากเดิมที่มี 2 ตำแหน่งเหลือ 1 ตำแหน่งนั้นไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน ส่วนจะมาเติมในภายหลังหรือไม่ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีและพรรคการเมืองนั้นๆ
นอกจากนี้ ส่วนนโยบายดิจิตทัลวอลเลต ยืนยันว่า รัฐบาลจะทำแน่นอนเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่โดยทุ่มงบประมาณกว่า 5 แสนล้านบาท เพื่อใช้ในช่วง 6 เดือน โดยมีใช้เงินดิจิทัลวอลเลตผ่านเทคโนโลยีบล็อกเชนกันต่อไป.-สำนักข่าวไทย