ทำเนียบรัฐบาล 21 ส.ค.-“ธนกร” เผย “เพื่อไทย” ดีล “รทสช.” จบแล้ว ย้ำพรรคไม่ต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี ชี้ ส.ว.มีอิสระ โหวต “เศรษฐา” หากชี้แจงข้อครหาได้จะผ่านไปได้ เชื่อ “ทักษิณ” กลับไทยไม่มีผลต่อการเมือง
นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงการร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยว่า ในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติ จะจ้งให้ส.ส.ทราบในการประชุมพรรคช่วงเย็นวันนี้ รวมทั้งมติต่าง ๆ เชื่อว่าผู้บริหารพรรคได้คุยกับพรรคเพื่อไทยจบแล้ว จากนั้นหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคจะมาแจ้งความคืบหน้าให้ส.ส.และกรรมการบริหารพรรครับทราบ โดยเฉพาะการร่วมจัดตั้งรัฐบาล
“ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ หัวหน้าพรรคคงทราบแล้ว แต่ผมยังไม่ทราบ ทราบอย่างเดียวว่าหัวหน้าพรรคไม่ได้ต่อรองเก้าอี้จากพรรคเพื่อไทย แต่ขอทำงานเพื่อประชาชนได้อย่างเต็มที่ จึงไม่เกิดการเจรจาต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น และที่ผ่านมาพรรครวมไทยสร้างชาติเอง มีส.ส. 36 คน การเจรจาหารือร่วมรัฐบาลจึงไม่ค่อยมีปัญหา เพราะว่าไม่เคยต่อรอง โดยเฉพาะบุคลิกของหัวหน้าพรรคที่ยึดในหลักการ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ในการทำงานหากทำเพื่อประชาชนได้อย่างเต็มที่ก็ไม่มีข้อแม้อยู่แล้ว ถือว่าเป็นบุคลิกส่วนตัวของหัวหน้าพรรค” นายธนกร กล่าว
นายธนกร กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าวางตัวตำแหน่งรัฐมนตรีแล้วหรือไม่ เพราะขึ้นอยู่กับผู้บริหารพรรคที่จะต้องพูดคุยกับกรรมการบริหารพรรค เนื่องจากในพรรคมีบุคลากรที่มีความเหมาะสมหลายคนและสามารถทำงานได้ดี ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรค
ส่วนจะต้องยึดหลักมีโควต้าในแต่ละภาคห้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ต้องดูที่ความเหมาะสม ความสามารถและสส.. 36 คนของพรรค ในการเลือกตั้งที่ผ่านมายอมรับว่ามาจากคะแนนเสียงสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค และประชาชนส่วนหนึ่งก็เลือกส.ส.มาจากพล.อ.ประยุทธ์และนโยบายของพรรค รวมถึงเรื่องที่ตัวส.ส.
ส่วนกรณีที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยขอโทษประชาชนที่จับมือร่วมตั้งรัฐบาลกับพรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐ ในส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติจะต้องทำความเข้าใจกับประชาชนหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า ได้มีโอกาสพูดคุยกับเลขาธิการพรรค ซึ่งจะต้องทำความเข้าใจชี้แจงกับประชาชน แม้ว่าในส่วนของเลขาธิการพรรคและทีมโฆษกพรรคจะดำเนินการอยู่ก็ตาม แต่ยังมีประชาชนส่วนหนึ่งยังไม่เข้าใจ ถึงเหตุผลและความจำเป็นที่พรรครวมไทยสร้างชาติจับมือจับตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย
“เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม การเข้าไปสู่ความปรองดองสมานฉันท์ถือว่าเป็นการเดินหน้าประเทศไทย เนื่องจาก 8-9 ปี ที่พล.อ.ประยุทธ์บริหารงานมา มีสิ่งต่าง ๆ ที่เป็นประโยชน์เกิดขึ้นกับประชาชนมากมาย การที่พรรครวมไทยสร้างชาติ จะบริหารงานต่อที่พลเอกประยุทธ์วางรากฐานไว้ ก็เป็นสิ่งที่จำเป็น และถึงเวลาที่ไม่หวนกลับไปสู่ความขัดแย้ง เพราะประเทศไทยเสียเวลากับเรื่องแบบนี้มานานแล้ว ขอให้ดูที่ผลงาน ความตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติเป็นหลัก บางอย่างอาจต้องใช้เวลาบ้าง แต่ก็เป็นสิ่งที่จำเป็นที่จะต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ เพราะทุกคนเป็นคนไทย เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมควรที่จะยุติความขัดแย้ง
เมื่อถามว่าการเดินทางกลับของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 22 สิงหาคมนี้จะมีผลต่อการเมืองในประเทศหรือไม่ นายธนกร กล่าววา ไม่ส่งผลอะไร เพราะถือว่าเป็นสิทธิ์ของนายทักษิณที่จะเดินทางกลับประเทศและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมก็เป็นสิทธิ์ ส่วนจะมีบทบาททางการเมืองหรือไม่ เห็นว่า นายทักษิณกลับมาเพื่อเลี้ยงหลาน คิดว่าเมื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมแล้วต้องให้โอกาสนายทักษิณ
“ขณะที่การโหวตนายกรัฐมนตรีในวันที่ 22 สิงหาคมนี้ ในส่วนพรรครวมไทยสร้างชาติ ก็จะต้องทำตามมติพรรค ส่วนจะผ่านไปด้วยความเรียบร้อยหรือไม่นั้นเห็นว่า แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยก็จะต้องชี้แจง ไม่ว่าจะในรัฐสภาหรือนอกสภา เพื่อทำความเข้าใจกับทุกคน ถ้าส.ส.และส.ว.เข้าใจเชื่อว่าน่าจะผ่าน ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติมี 36 เสียง ต้องทำตามมติพรรค และเชื่อว่าส.ว.มีอิสระในการโหวต แต่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีต้องชี้แจงทำความเข้าใจ ซึ่งหากชี้แจงได้จะผ่านไปได้” นายธนกร กล่าว
ส่วนกรณีที่นายเศรษฐา ทวีสิน ถูกนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์แฉปมการซื้อที่ดินว่าเกี่ยวข้องกับการหลีกเลี่ยงภาษีหรือไม่ นายธนกร กล่าวว่า เมื่อมีความผิดก็ต้องเข้าสู่กระบวนการของศาล แต่ตอนนี้นายเศรษฐายังบริสุทธิ์อยู่ในทางกระบวนการยุติธรรม ต้องให้โอกาสชี้แจง ซึ่งขณะนี้พรรคเพื่อไทย แจ้งมาที่พรรครวมไทยสร้างชาติ ยังยืนยันว่าเสนอชื่อนายเศรษฐาเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ถ้าพรรคเพื่อไทยเปลี่ยนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีเป็นน.ส.แพทองธาร ชินวัตรก็ต้องโหวตตามมติ เนื่องจากพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ ซึ่งจะต้องปฎิบัติตามพรรคแกนนำเสนอแคนดิเดตนายกฯ.-สำนักข่าวไทย