ศาลรัฐธรรมนูญ 22 ต.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่ง อสส. ชี้แจงการดำเนินการ การรวบรวมพยานหลักฐาน ให้ศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน กรณี “ธีรยุทธ” ร้องให้ศาลสั่ง “ทักษิณ” เลิกครอบงำพรรคเพิ่มไทย
ศาลรัฐธรรมนูญได้ประชุมปรึกษาคดีที่สำคัญ โดยพิจารณาคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 ที่นายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ว่า นายทักษิณ ชินวัตร (ผู้ถูกร้องที่ 1) และพรรคเพื่อไทย (ผู้ถูกร้องที่ 2) ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 6 ประเด็น คือ นายทักษิณ สั่งการรัฐบาลผ่านกระทรวงยุติธรรม กรมราชทัณฑ์และโรงพยาบาลตำรวจ ให้เอื้อประโยชน์แก่ตนเองให้พักอาศัยอยู่ห้องพักชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจในระหว่างการรับโทษจำคุกเพื่อไม่ให้ต้องรับโทษในเรือนจำ ทั้งที่ไม่พบว่ามีอาการป่วยขั้นวิกฤต
นายทักษิณ สั่งการรัฐบาลให้เอื้อประโยชน์แก่อดีตนายกรัฐมนตรีกัมพูชาให้มีการเจรจาเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลเพื่อแบ่งผลประโยชน์ก๊าซธรรมชาติและทรัพยากรใต้ทะเลในเขตอธิปไตยทางทะเลของไทยให้แก่กัมพูชา สั่งการให้พรรคเพื่อไทยร่วมมือเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญกับพรรคประชาชน ซึ่งเป็นพรรคที่ก่อตั้งโดยกลุ่มการเมืองของพรรคก้าวไกลเดิมที่ต้องคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญว่ามีพฤติการณ์ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
สั่งการแทนพรรคเพื่อไทยโดยเจรจากับแกนนำของพรรคการเมืองอื่นที่ร่วมรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรีเพื่อหารือการเสนอชื่อบุคคลผู้สมควรเป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่บ้านพักส่วนตัว และสั่งการให้พรรคเพื่อไทยมีมติขับพรรคพลังประชารัฐออกจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลและสั่งการให้พรรคเพื่อไทยนำนโยบายตนเองที่ได้แสดงวิสัยทัศน์ไปดำเนินการให้เป็นนโยบายของคณะรัฐมนตรีที่แถลงต่อรัฐสภา
ทั้งนี้นายธีรยุทธ ได้ยื่นคำร้องต่ออัยการสูงสุดเมื่อ 24 กันยายน 2567 โดยขอให้อาการสูงสุดร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสอง เลิกการกระทำ แต่อัยการสูงสุดไม่ได้ดำเนินการภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับคำร้อง นายธีรยุทธจึงยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อขอให้วินิจฉัยตามมาตรา 49 สั่งการให้นายทักษิณเลิกการกระทำดังกล่าวและให้พรรคเพื่อไทยเลิกยินยอมให้นายทักษิณใช้เป็นเครื่องมือ
ศาลรัฐธรรมนูญได้พิจารณาโดยการอภิปรายแล้ว เห็นว่าเพื่อประโยชน์แก่การพิจารณาของศาลว่าจะรับคำร้องไว้พิจารณาหรือไม่ จึงให้มีหนังสือแจ้งไปยังอัยการสูงสุดเพื่อขอทราบว่าได้ดำเนินการตามคำร้องไปแล้วอย่างไร และมีการรวบรวมพยานหลักฐานได้เพียงใด ขอให้จัดส่งมายังศาลรัฐธรรมนูญภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือ.-314.-สำนักข่าวไทย