ทำเนียบ 30 ก.ค.- นายกรัฐมนตรีฝากรัฐบาลหน้าสานต่อโครงการยกระดับคุณภาพชีวิตต่อยอดสันติสุขจังหวัดชายแดนใต้ ดีใจทูตประเทศมุสลิมชื่นชม
นางสาวรัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ร่วมกับกระทรวงการต่างประเทศ นำคณะเอกอัครราชทูตจากประเทศซาอุดีอาระเบีย มาเลเซีย คูเวต โอมาน อียิปต์ อินโดนีเซีย ตุรกี โมร็อกโก อุปทูตจากสถานเอกอัครราชทูตกาตาร์ และปากีสถาน เดินทางเยือนจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างวันที่ 25 – 27 กรกฎาคม 2566 เพื่อดำเนินการกิจกรรมการทูตเชิงรุก สร้างความเข้าใจ และการรับรู้อันดี เกี่ยวกับพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คณะเอกอัครราชทูตทั้ง 10 ประเทศได้รับทราบแนวทางการแก้ปัญหาสถานการณ์ความมั่นคง และการพัฒนาพื้นที่จาก ศอ.บต. ซึ่งได้ดำเนินการยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างสังคมพหุวัฒนธรรมที่เข้มแข็ง และการสนับสนุนการแสวงหาทางออกโดยสันติวิธี โดยมีเป้าหมายให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่ร่วมกันได้ในวิถีสังคมพหุวัฒนธรรมอย่างยั่งยืน พร้อมคำนึงถึงการพัฒนาอย่างเป็นธรรม ไม่แบ่งแยก และเท่าเทียมในทุกศาสนา รวมถึงส่งเสริมสิทธิเสรีภาพในการดำเนินชีวิตตามอัตลักษณ์ ความเชื่อ สอดคล้องกับวิถีชีวิต ศาสนา วัฒนธรรมและประเพณีต่าง ๆ
โอกาสนี้ คณะเอกอัครราชทูตได้ชมศักยภาพทางด้านเศรษฐกิจในพื้นที่เขตอุตสาหกรรมปัตตานี โดยเฉพาะอุตสาหกรรมด้านอาหารฮาลาล ซึ่งมีคุณภาพและได้มาตรฐานสากล และปัจจุบันเป็นที่สนใจและต้องการของประเทศภูมิภาคตะวันออกกลาง เป็นอีกหนึ่งความร่วมมือที่มีศักยภาพและสามารถเติบโตได้ในอนาคต ด้านเอกอัครราชทูตจากซาอุดีอาระเบียชื่นชมศักยภาพของธุรกิจในพื้นที่ พร้อมยินดีนำนักธุรกิจมาร่วมแลกเปลี่ยนหารือจับคู่ระหว่างนักธุรกิจไทย-ซาอุดีฯ โดยขอให้ไทยเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการ แรงงาน ซึ่งมีทักษะ และสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ศอ.บต. ยังนำคณะเอกอัครราชทูตลงพื้นที่กือดาจีนอ ชุมชนเมืองเก่าปัตตานี ซึ่งเป็นพื้นที่ชุมชน 3 วิถี ที่มีประชาชนชาวไทยเชื้อสายจีน เชื้อสายมลายู และประชาชนนับถือศาสนาพุทธ อาศัยอยู่ร่วมกัน สะท้อนถึงพหุวัฒนธรรมที่หลากหลาย พร้อมเดินทางไปเยี่ยมเยือนมัสยิดกลางจังหวัดปัตตานี ซึ่งเป็นศาสนสถานคู่เมืองปัตตานีและศูนย์รวมจิตใจของพี่น้องมุสลิมในพื้นที่ โดยก่อสร้างขึ้น ตามแนวคิดในการสร้างสันติสุข และอำนวยความสะดวกแก่พี่น้องชาวไทยมุสลิมในการประกอบศาสนกิจ ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตอินโดนีเซียรู้สึกประทับใจต่อวิถีของชุมชนที่อยู่ร่วมกันถึง 3 วัฒนธรรม โดยทุกคนมีรอยยิ้มและอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข
“รัฐบาลดำเนินการขับเคลื่อนการพัฒนาจังหวัดชายแดนใต้มาอย่างต่อเนื่อง โดยดูแลประชาชน ยกระดับคุณภาพชีวิต สร้างงานสร้างรายได้พัฒนาจังหวัดชายแดนใต้อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม ส่งเสริมการอยู่ร่วมกันแบบพหุวัฒนธรรม ซึ่งท่านนายกรัฐมนตรี ดีใจที่คณะเอกอัครราชทูตมีความเข้าใจอันดีต่อสถานการณ์ และได้ชื่นชมแนวทางการทำงานของรัฐบาล ซึ่งท่านนายกฯหวังว่างานด้านการพัฒนามิติต่างๆที่ได้ทำมาจะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลใหม่อย่างเต็มที่ และนำไปต่อยอดความร่วมมือระหว่างไทยและกลุ่มประเทศมุสลิมต่อไป” นางสาวรัชดา กล่าว.-สำนักข่าวไทย