พรรคก้าวไกล 21 ก.ค. – “ก้าวไกล” เปิดทาง “เพื่อไทย” จัดตั้งรัฐบาลตามมติประชาชน พร้อมเสนอชื่อแคนดิเดตในการประชุมครั้งหน้า ยังยืนยันเดินหน้าตั้งรัฐบาลให้สำเร็จเพื่อสกัดกั้นขั้วอำนาจเดิม ปัดตอบลดเพดานแก้ไข ม.112
นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลว่า จากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นการประกาศเจตจำนงของพี่น้องประชาชนที่ชัดเจนแล้วว่าต้องการลงคะแนนเสียงให้พรรคก้าวไกลเป็นพรรคอันดับ 1 ในการจัดตั้งรัฐบาล เราจึงเดินหน้าทำตามเป้าหมายให้สำเร็จ เพื่อหยุดยั้งขั้วอำนาจรัฐบาลเดิมให้ได้ แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าทุกองคาพยพมีความพยายามที่จะทำทุกวิถีทางไม่ให้พรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ โดยอ้างเรื่องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และความจงรักภักดีมาขัดขวาง รวมถึงใช้อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญมาเป็นเครื่องมือ เพื่อพยายามตัดสิทธิและยุบพรรคก้าวไกลอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ทางฝั่งสมาชิกวุฒิสภาก็ใช้ระบบรัฐสภามาทำลายหลักการตีความข้อบังคับของการประชุมรัฐสภา ข้อที่ 41 มาแย้งให้ขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพียงเพื่อต้องการขัดขวางไม่ให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยเหตุนี้ พรรคก้าวไกลจึงจำเป็นต้องขอโทษพี่น้องประชาชนที่เรายังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลตามเจตจำนงของทุกคนได้
อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่า เราจะยังคงเดินหน้าหยุดยั้งขั้วอำนาจของรัฐบาลชุดเก่าต่อไป เนื่องจากการนำประเทศไทยกลับสู่ประชาธิปไตยถือเป็นภารกิจที่สำคัญที่สุด ดังนั้นเราขอเปิดทางให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคอันดับ 2 เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลแทน
“การประชุมร่วมรัฐสภาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในครั้งหน้า พรรคก้าวไกลจะลุกขึ้นเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกับที่พรรคเพื่อไทยเสนอชื่อพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรีในครั้งที่ผ่านมา” นายชัยธวัช กล่าว
นายชัยธวัช ปฏิเสธที่จะตอบว่า พรรคเพื่อไทยเสนอเงื่อนไขใดบ้าง มีการเสนอให้ถอยเรื่องนโยบายแก้ไขมาตรา 112 หรือไม่ รวมถึงเรื่องโควตาคณะรัฐมนตรี เพราะทุกรายละเอียดจะรอการประสานงานจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งคาดว่าจะประสานมาภายใน 1-2 วันนี้ ดังนั้นจะมีเงื่อนไขอะไร หรือยอมรับได้หรือไม่ ต้องรอฟังพรรคเพื่อไทยก่อน
ส่วนงื่อนไขที่มีพรรคก้าวไกล ไม่มีลุง ยังคงเดิมหรือไม่นั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า เป็นจุดยืนที่ชัดเจนอยู่แล้ว โดยไม่ต้องมีการพูดคุยกัน เป็นสิ่งที่ได้พูดกับพี่น้องประชาชนตลอดเวลาที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลคงไม่อาจเสียสัจจะในเรื่องนี้ได้ แต่ระบุว่าอย่าเพิ่งรีบสรุปว่าพรรคก้าวไกลจะถอยไปเป็นฝ่ายค้านหรือไม่
สำหรับกระแสข่าวว่าถ้าเพื่อไทยอาจจะนำ ส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐมาเข้าร่วมรัฐบาล นายชัยธวัช ระบุว่า อย่าเพิ่งคิดไปแทนเพื่อไทย มีกระแสข่าวมาเยอะแต่การพูดคุยอย่างเป็นทางการยังไม่เกิดขึ้น
นายชัยธวัช ยังระบุว่า สมาชิกส่วนใหญ่ของพรรคก้าวไกลมีความเห็นเป็นไปตามมติที่ได้แถลงไป รวมถึงพิธา ก็ให้ความยินยอมในฐานะหัวหน้าพรรค
เมื่อถามความเห็นว่า คิดอย่างไรถ้าพรรคก้าวไกล เสนอชื่อแคนดิเดต คือ นายเศรษฐา ทวีสิน ชัยธวัช กล่าวว่า เป็นใครก็ได้ พรรคก้าวไกลโดยหลักการไม่จำกัดเรื่องตัวบุคคล แต่ยืนยันว่าในการประชุมรัฐสภาครั้งหน้า พรรคก้าวไกลพร้อมจะเสนอชื่อแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นใคร แต่ก็ขึ้นอยู่กับมติของพรรคเพื่อไทยว่าจะเสนอใครเป็นแคนดิเดต
นายชัยธวัช ยังยืนยันว่า พรรคก้าวไกลไม่ยอมรับในมติของรัฐสภาที่อ้างข้อบังคับที่ 41 ไม่ให้เสนอชื่อ พิธาซ้ำ โดยพรรคก้าวไกลมองว่าเป็นกระบวนการที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่ยังไม่ได้พูดคุยกันในพรรคว่าจะยื่นเรื่องนี้ต่อผู้ตรวจการแผ่นดินหรือไม่
ส่วนข้อวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการทำงานของประธานรัฐสภา พรรคก้าวไกล มองว่า ประธานสามารถวินิจฉัยได้ แต่ประธานคงเห็นว่าควรให้สมาชิกได้อภิปรายถกเถียงกันอย่างเต็มที่ก่อนลงมติ แต่เหตุการณ์ผ่านไปแล้ว ก็หวังว่ารัฐสภาชุดนี้จะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก
ส่วนความเสี่ยงที่พรรคก้าวไกลจะถูกยุบพรรค นายชัยธวัช กล่าวว่า ขณะนี้มีอยู่สองคดี คือ เรื่องของหุ้นไอทีวี และเรื่องคดีล้มล้างการปกครอง จากนโยบายแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งสองคดีไม่มีการร้องให้ยุบพรรค แต่เราจะประมาทไม่ได้ เพราะเห็นได้ชัดเจนว่า 8 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในระบบนิติรัฐปกติ องค์กรอิสระ รวมถึงศาลรัฐธรรมนูญ ถูกตั้งคำถามถึงหลักเกณฑ์และบทบาทในการเป็นเครื่องมือทางการเมืองให้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือไม่
นายชัยธวัช ยังระบุอีกว่า ไม่ได้คำนวณถึงเหตุการณ์ด้านลบที่จะเกิดขึ้นหลังจากถอยให้กับพรรคเพื่อไทย ทั้งตำแหน่งประธานรัฐสภา และตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คำนึงแต่เพียงว่าทำจะทำอย่างไรให้การจัดตั้งรัฐบาลตามมติมหาชนเกิดขึ้นได้โดยเร็วที่สุด
”ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่คุณพิธาต้องเป็นนายกหรือไม่ แต่ประเด็นสำคัญที่ต้องยึดกุมไว้คือต้องยึดตามมติมหาชน คือ ต้องผลักดันให้เกิดการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อยุตติการสืบทอดอำนาจของขั้วรัฐบาลเดิมให้ได้” นายชัยธวัช กล่าว
นายชัยธวัช ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาจากการเสนอชิ่อแคนดิเดตนายกฯ เพียงชื่อเดียว และหากมองย้อนกลับไป พรรคก้าวไกลก็จะทำเหมือนเดิม เพราะเห็นได้ชัดเจนว่าหลายองคาพยพ ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ล้วนแสดงออกอย่างเด่นชัด เปิดเผยว่าไม่ต้องการเห็นพรรคก้าวไกลเป็นนายกฯ จะด้วยความไม่ต้องการสูญเสียอำนาจ เสียผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ หรือไม่อยากเห็นนโยบายที่จะเข้าไปเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้าง แต่เราจะยืนยันว่าจะพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะทำให้ภารกิจ ซึ่งประชาชนมอบให้ในวันเลือกตั้งสำเร็จให้ได้
“คนที่ไม่ยอมรับในความเปลี่ยนแปลง ไม่ยอมรับในหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยต่างหาก ควรจะมีสำนึกว่าการกระทำแบบนี้จะไม่ส่งผลดีต่อบ้านเมืองในระยะยาว” นายชัยธวัช กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากเปลี่ยนแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมาเป็นพรรคเพื่อไทยแล้ว จะมีโอกาสสำเร็จมากขึ้นหรือไม่ นายชัยธวัช ตอบว่า “ก็ควรต้องเป็นอย่างนั้น” .- สำนักข่าวไทย