บมจ.อสมท 22 มิ.ย.- เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก ร่วมแลกเปลี่ยนข้อมูล ขยายความร่วมมือด้านการข่าวกับผู้บริหาร บมจ.อสมท หวังสร้างการรับรู้ให้ประชาชนตระหนักความสำคัญการมีส่วนร่วมป้องกันภัย
พล.ท.ธเนศ กาลพฤกษ์ เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก นำทหารจากหลายหน่วยงานของกองทัพบกเยี่ยมชมการทำงานของ บมจ.อสมท โดยมีนายเขมทัตต์ พลเดช กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.อสมท และผู้บริหารให้การต้อนรับ ซึ่งการพบปะกันครั้งนี้จะสามารถขยายความร่วมมือและความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แลกเปลี่ยนความรู้ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับภัยคุกคามในรูปแบบต่างๆ ที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน
เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก กล่าวว่า การพบกันในวันนี้ ที่ช่อง 9 MCOT HD ให้โอกาสกองทัพบกพบปะหารือ เพื่อเชื่อมโยงข้อมูลซึ่งกันและกัน ทำให้มีทิศทางการทำงานร่วมกัน เป็นการไหลเวียนข้อมูลด้านความมั่นคงระหว่างกัน ทั้งเพื่อสร้างการรับรู้ให้ประชาชนเข้าใจ โดยเฉพาะขอความร่วมมือประชาชนช่วยเป็นหูเป็นตา แจ้งเบาะแสเรื่องที่จะมีผลกระทบต่อความมั่นคง โดยมีช่องทางให้ประชาชนติดต่อได้ตลอดเวลา
“สิ่งสำคัญคือ ประชาชนต้องรู้เท่าทันบรรยากาศของสถานการณ์ที่อาจมีผลกระทบต่อความมั่นคง ซึ่งสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ได้จัดทำคู่มือการป้องกันภัยการก่อการร้าย ซึ่งประชาชนสามารถเข้าไปศึกษาดูได้ที่เว็บไซต์ของสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพียงพิมพ์คำว่า “สมช” ซึ่งจะบอกถึงเทคนิคการสังเกตต่างๆ ที่จะนำไปแจ้งให้กับเจ้าหน้าที่ ทั้งทหาร และสื่อต่างๆ ทราบ นอกจากนี้ ทางกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ได้เปิดสายด่วน 1374 ด้วย” เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก กล่าว
พล.ท.ธเนศ กล่าวว่า ประชาชนถือเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการเฝ้าระวังป้องกันภัยต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง เพราะเจ้าหน้าที่มีจำนวนหนึ่งที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ ประชาชนจึงมีความสำคัญที่จะช่วยเป็นหูเป็นตาได้ตลอดเวลา เพราะประชาชนอยู่ในสถานที่ต่างๆ สามารถมีข้อสังเกต ข้อมูลสำคัญ เพื่อแจ้งให้เจ้าหน้าที่นำไปวิเคราะห์ หยุดยั้งสถานการณ์ต่างๆ ได้
“ขณะเดียวกัน ต้องขอความร่วมมือสื่อต่างๆ ในการนำเสนอข่าว ที่จะไม่เสนอภาพที่เป็นความสูญเสีย ความผิดพลาดของเจ้าหน้าที่ ซึ่งนอกจากจะเป็นการยกระดับให้ผู้ก่อเหตุแล้ว ยังเป็นการซ้ำเติมเหตุการณ์มากขึ้นด้วย จึงขอความร่วมมือการนำเสนอแต่พอสมควร และอยากให้เสนอในมุมที่เจ้าหน้าที่กำลังพยายามดำเนินการเพื่อนำไปสู่การจับกุม นำผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี” เจ้ากรมกิจการพลเรือนทหารบก กล่าว.-สำนักข่าวไทย