ศูนย์ราชการ 11 ก.ค.- “พิธา” มั่นใจได้เสียง ส.ว. เพียงพอต่อการโหวตให้เป็นนายกฯ เสียดายประชาชนเลือกมาตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค.แล้ว ไม่ควรต้องลุ้นต่อ
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล กล่าวถึงการที่ ส.ว. เตรียมใช้ข้ออ้างในการเลื่อนการโหวตนายกรัฐมนตรี หาก กกต.ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นสมาชิกภาพ ส.ส. ของนายพิธา ในคดีหุ้นสื่อ ว่า การที่จะเลื่อนการโหวตเลือกผู้นำของประเทศในช่วงสภาวะวิกฤติแบบนี้ จะทำให้ประชาชนเสียผลประโยชน์ ซึ่งเป็นการตัดสินใจของประธานสภาฯ และสมาชิกรัฐสภาร่วมกัน โดยตนขอวิงวอนเพื่อนสมาชิกว่า การให้เลื่อนการโหวตนายกรัฐมนตรีต่อไปจะทำให้ประเทศชาติเสียประโยชน์ ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับตนแต่อย่างใด
เมื่อถามว่า ในจำนวน ส.ว.ที่พรรคก้าวไกลบอกว่าเพียงพอแล้วต่อการโหวตนายกรัฐมนตรี ส่วนใหญ่เป็น ส.ว.สายพลเรือน หรือสายทหาร นายพิธา กล่าวว่า เราคงไม่ได้ดูว่าเป็น ส.ว.มาจากสายไหน แต่เป็นเรื่องของหลักการที่ ส.ว.ยังหนักแน่นในการที่บอกว่า ถ้ารัฐบาลได้เสียงข้างมากเหมือนกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา คิดว่าคงจะต้องโหวตตามหลักการนี้ และไม่โหวตสวนมติของประชาชน ทั้งนี้ เราก็ได้มีการหารือกับ ส.ว. เพื่อทลายกำแพงซึ่งกันและกัน และเมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่าจะได้เสียง ส.ว. เพียงพอต่อการโหวตนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี นายพิธา กล่าวว่า ยังมั่นใจอยู่ ส่วนจำนวนที่ชัดเจนจะต้องรอดู เพราะถ้าพูดออกไปตอนนี้อาจจะมีแรงกระทบต่อการตัดสินใจในอีก 2 วันนี้
เมื่อถามอีกว่า มีการประเมินหรือไม่ว่าในวันโหวตนายกรัฐมนตรี วันที่ 3 ก.ค.นี้ จะมีการเสนอชื่อนายพิธา เพียงคนเดียว หรือมีการเสนอชื่ออื่นแทรกขึ้นมา นายพิธา กล่าวว่า เป็นไปได้หมด ซึ่งไม่ได้ผิดปกติอะไร ปี 2562 ก็มีการเสนอ 2 ชื่อ แต่ถ้ามีแค่ชื่อเดียวก็เป็นอีกกรณีหนึ่ง ไม่ได้ผิดรัฐธรรมนูญแต่อย่างใด
ส่วนกรณีวันที่ 13 ก.ค. จะมีมวลชนหลายกลุ่มเตรียมรอติดตามการโหวตนายกรัฐมนตรีนอกสภาฯ เกรงว่าจะเกิดความวุ่นวายหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เป็นที่น่าเสียดายที่ประชาชนเลือกตนมาแล้ว ก็ไม่ควรมาลุ้นอีก ขณะนี้ควรจะประชุมเพื่อผลักดันกฎหมายได้แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องน่าเสียดายที่จะต้องมาลุ้นกันต่อ แต่เชื่อว่า นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา จะบริหารจัดการสถานการณ์ได้อย่างดี ส่วนการควบคุมประชาชนในการรวมตัวกันอย่างสันติ เป็นเรื่องของประชาธิปไตยอยู่แล้ว
ส่วนการที่นายพิธา ลงพื้นที่พบมวลชน ขั้วการเมืองตรงข้ามมองว่าจะเป็นการปลุกมวลชนเพื่อกดดันการโหวตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า ตนไม่ได้ลงพื้นที่เพื่อขอให้พวกเขามาปกป้องตน แต่ตนต้องปกป้องการตัดสินใจของพวกเขาเมื่อวันที่ 14 พ.ค. เพื่อให้เขามั่นใจว่า มติที่ประชาชนให้มาได้รับการปกป้อง นอกจากนี้ เพื่อความสม่ำเสมอ ตนจึงต้องลงพื้นที่ขอบคุณประชาชน และรับฟังปัญหาต่างๆ ด้วย.-สำนักข่าวไทย