รัฐสภา 4 ก.ค.-“นพ.ชลน่าน” มั่นใจเพื่อไทยไม่แตกแถว พร้อมลงมติหนุน “วัน นอร์” นั่งปธ.สภาฯ ยันนิรโทษกรรมคดีการเมือง ไม่รวมแก้ม. 112
นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีพรรคเพื่อไทยเสนอชื่อนายวันมูหะมัด นอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติเป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า เป็นทางออกที่ดีที่สุดที่ทุกฝ่ายยอมรับ และมั่นใจจะสามารถคุมเสียงทุกพรรคเพื่อไทยไม่ให้แตกแถวในการลงมติได้ ซึ่งเราได้พูดคุยกันอย่างชัดเจนด้วยเหตุและผล เพื่อจัดตั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยเพื่อทำงานร่วมกัน ขอให้มั่นใจว่าจะสามารถคุมเสียงส.ส.ภายในพรรคเพื่อไทยได้
ส่วนที่เคยระบุว่าะผลักดันนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีให้สำเร็จ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ต้องเป็นไปตามกลไกของรัฐสภา ซึ่งอาจจะครั้งเดียวได้เลย ยืนยันว่าจะไม่เสนอแคนดิเดตแข่ง
เมื่อถามถึงแถลงการณ์ร่วมที่มีเรื่องนิรโทษกรรม ถือเป็นข้อตกลงร่วมระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลเพิ่มเติมใช่หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า 8 พรรคการเมืองคุยกันมีความชัดเจนว่าไม่มีประเด็นเหล่านี้ ต้องให้เกียรติกับ 8 พรรค โดยข้อตกลงนี้เป็นเพียง 2 พรรคเท่านั้น ขอย้ำว่าเป็นการแสดงออกทางการเมืองต้องตีความตรงนี้ให้ชัด ซึ่งในส่วนของ 6 พรรคร่วมรัฐบาลไม่เกี่ยวข้องกับประเด็นนี้ เพราะจะเป็นการละเมิดสิทธิ์ของพรรคเขา ยืนยันว่าข้อแถลงการณ์ร่วมของ 2 พรรคเมื่อวานนี้(3 ก.ค.)ไม่ได้มัดรวมกับ 6 พรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะข้อที่ 4 ไม่ได้มัด 6 พรรคเข้ามาร่วมรับผิดชอบด้วยแต่ถือเป็นเจตนารมณ์เดิมโดยข้อ 1 ถึงข้อ 3 เป็นแนวทางเดิมที่เราพูดคุยกัน
เมื่อถามย้ำว่าในแถลงการณ์ข้อ 3 หมายรวมถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 112 ด้วยหรือไม่ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ไม่เกี่ยว ซึ่งการผลักดันเรื่องของกฎหมายอยู่ในข้อที่ 4 ไม่เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 112 ส่วนเรื่องการนิรโทษกรรม ทุกอย่างต้องผ่านกลไกขบวนการของสภาอยู่แล้ว ดังนั้น ถือเป็นความเห็นของ 2 พรรคที่จะร่วมกันผลักดัน จะได้หรือไม่ก็เป็นไปตามกลไกของสภา
เมื่อถามย้ำว่าการนิรโทษกรรมหมายรวมถึงกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยพันธมิตร คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์แบบอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(กปปส.) และกลุ่มเสื้อแดงด้วยหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องของการนิรโทษกรรมคดีทางการเมืองถือเป็นการแสดงออกทางการเมืองเท่านั้น อย่างไรก็ตาม เราให้ความระมัดระวังในเรื่องนี้ เนื่องจากปี 2557 มีประสบการณ์เรื่องนี้มาแล้ว จึงได้เน้นถามในเรื่องของนิยามการแสดงออกทางการเมืองว่าต้องมีข้อจำกัดเฉพาะและต้องมีคณะทำงานไปศึกษาให้ถี่ถ้วนก่อนที่จะนำเสนอในรายละเอียด ซึ่งเป็นหลักการเท่านั้น และยืนยันว่าการแก้ไขมาตรา 112 ไม่ได้อยู่ในเรื่องนี้ เพราะเราพูดคุยกันชัดเจนแล้ว ถือเป็นนโยบายของแต่ละพรรคไป แต่ในส่วนของพรรคเพื่อไทยเราพูดกันชัดเจนแล้ว.-สำนักข่าวไทย