พรรคก้าวไกล 26 มิ.ย.- “รังสิมันต์ โรม” มองงูเห่าเป็นบาดแผลทางประวัติศาสตร์ ไม่อยากเห็นการทรยศต่อประชาชน มองรัฐบาลเสียงข้างน้อยเป็นไปได้ยาก เชื่อ 8 พรรคร่วมจับมือกัน คือทางออกดีที่สุด
นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกระแสข่าวจะซื้องูเห่าคนละ 100 ล้าน ก่อนเปิดสภาฯ ว่า ถ้าพูดถึงเรื่องของการซื้องูเห่า ต้องยอมรับว่า เป็นเรื่องของประวัติศาสตร์และบาดแผลไม่ควรจะเกิดขึ้น คนที่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชน สิ่งที่เราไม่อยากเห็นที่สุดคือ การทรยศต่อประชาชน ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับพรรคไหน มันก็คือกระบวนการที่อาจจะทำให้ความเชื่อมั่น และความศรัทธาของประชาชนต่อระบอบรัฐสภาอาจจะลดลงได้ และสร้างความเสียหายระยะยาวต่อการเมืองไทย เรื่องแบบนี้ไม่ควรเกิด
“งูเห่า ถ้ามี โอกาสที่จะยืนระยะยาวต่อไปในทางการเมือง ผมว่าก็ไม่ง่าย ถ้าเราดูหลายๆ คนที่เป็นงูเห่า ไม่ได้รับโอกาสจากประชาชนอีกแล้ว ดังนั้น ผมคิดว่าอย่าให้มีบรรยากาศเช่นนั้นเลย”นายรังสิมันต์ กล่าว
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ไม่ว่าจะเป็นการเลือกประธานสภา เลือกนายกรัฐมนตรี ควรจะเป็นหน้าที่ที่สอดรับกับความมุ่งหมายของประชาชนที่อยากเห็นต่อรัฐบาล ไม่ควรนำเรื่องเงิน หรือเรื่องที่จะสัญญาให้กันมาเป็นเงื่อนไขหรือข้อแลกเปลี่ยนในการยกมือ ซึ่งถ้าทำเช่นนั้นคือการทำลายการเมือง ประเทศชาติ และประชาธิปไตย
ส่วนเรื่องของงูเห่าออกมาจากส.ว.นั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนตอบไม่ได้ ตนไม่ทราบเรื่องข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องงูเห่า แต่ในหลักการเรื่องแบบนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้น ควรเป็นการทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมาของคนที่ใช้อำนาจนิติบัญญัติ ไม่ว่าจะเป็นส.ส. หรือส.ว. สิ่งที่เราต้องช่วยกันทำให้เกิดขึ้นให้ได้ คือ การเลือกประธานสภาหรือนายกรัฐมนตรี สอดคล้องกับผลของการเลือกตั้ง
ทั้งนี้ เชื่อว่า วิถีแบบนี้เป็นวิธีการเดียวที่ทำให้ประเทศของเราออกจากบ่วงของความขัดแย้ง และเดินหน้าต่อไปได้ หากรัฐบาลทำหน้าที่ไม่ดี เป็นเรื่องของประชาชนที่จะต้องตัดสิน ว่า สุดท้ายรัฐบาลทำหน้าที่อย่างมีคุณภาพหรือไม่ หากใช้กระบวนการตามรัฐธรรมนูญชั่วคราวที่กำลังจะหมดอายุในปีหน้า หากเอามาขัดขวาง แล้วจะมั่นใจได้อย่างไรว่า ประเทศไทยจะเดินหน้าไปอย่างที่เป็นได้ สุดท้ายอาจจะเป็นหล่มการเมืองแบบเดิมหรือไม่ สิ่งที่ตนต้องการเห็นคือ ช่วยทำให้มันถูกต้องเท่านั้น คืนความปกติให้การเมือง อย่าใช้ขบวนการวิชามารทั้งหลายอีกเลย
ส่วนที่หลายฝ่ายมองว่า การจัดตั้งรัฐบาลไม่สำเร็จและใช้เวลานาน นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ตนคิดว่ามันมีระดับของมันอยู่ กรณีที่เราฟอร์ม 8 พรรคร่วมรัฐบาลถือว่ารวดเร็ว ถือว่าเป็นกระบวนการที่ค่อนข้างราบรื่นด้วยซ้ำไป และสามารถตกลงเป็นเอ็มโอยูได้ หากไม่มีมาตรา 272 กระบวนการนี้คงจะดำเนินการไปจนเกือบเสร็จแล้ว ในส่วนที่ช้าอาจจะเป็นปัจจัยอื่น เช่น การรับรอง ส.ส. ซึ่งใช้เวลาในการรับรองมาก ตนไม่เข้าใจว่ารับรองทันทีหลังเลือกตั้งกับใช้เวลา1 เดือนในการรับรอง ผลออกมาแตกต่างกันอย่างไร เพราะทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ได้แจกใบอะไรสักอย่าง ตนไม่แน่ใจว่า ความล่าช้าเช่นนี้ที่ส่วนหนึ่ง กกต. เป็นปัจจัย ประเทศได้ประโยชน์จากอะไร หากเรามองอย่างเป็นธรรม กระบวนการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกลไม่ได้ช้า แต่ที่เกิดคำถามเพราะเรากังวลว่า ประเทศของเราจะมีการเมืองที่ไม่ปกติ หากเราเชื่อมั่นว่า การเมืองเราปกติ จะไม่เกิดคำถามพวกนี้ขึ้นแต่ตนยืนยันว่า พรรคก้าวไกลเรามีจุดยืนที่จะคืนความปกติให้สังคม และพยายามเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลให้ได้
นายรังสิมันต์ กล่าวว่า หากมีการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยจริงทางพรรคก้าวไกลจะทำอย่างไร นายรังสิมันต์กล่าวว่า ตนมองว่าโอกาสที่จะเกิดขึ้นค่อนข้างยาก เพราะ1.เท่าที่ติดตามการดีเบตมาบางพรรคการเมืองก็พูดตรงกัน ว่าโอกาสที่จะมีรัฐบาลเสียงข้างน้อยคงเป็นไปไม่ได้ 2.รัฐบาลเสียงข้างน้อยบริหารยาก เพราะถึงที่สุดก็ต้องผ่านกฎหมายผ่านสภา ทั้งเรื่องงบประมาณ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ ดังนั้นโอกาสรัฐบาลเสียงข้างน้อยไม่ง่าย และยังมั่นใจว่า วิถีทางที่เราเสนอต่อสังคมในการจับมือ 8 พรรค รวมเสียงกันได้ 313 เสียง เป็นทางออกเดียวและทางออกที่ดีที่สุดสำหรับประเทศไทยในตอนนี้ .-สำนักข่าวไทย