กรุงเทพฯ 24 มิ.ย. – กทม.รื้อระบบฝึกซ้อมดับเพลิงใหม่เปลี่ยนเป็นซ้อมแห้ง ตรวจสอบถังแดงในชุมชนทุกจุดต้องได้มาตรการความปลอดภัย
(24 มิ.ย.66) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย รศ.ทวิดา กมลเวชช รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงกรณีเกิดเหตุถังดับเพลิงระเบิดระหว่างซ้อมดับเพลิงที่โรงเรียนราชวินิต มัธยม เขตดุสิต
รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตอนนี้ทางตำรวจก็ได้สอบปากคำเจ้าหน้าที่ของเราทั้งหมดแล้ว ในส่วนการดำเนินการของ กทม. เมื่อเช้านี้ได้เรียกหน่วยงานทั้งหมดมา โดยให้ยุติการซ้อมทั้งหมด จนกว่าอุปกรณ์ทั้งหมดจะได้รับการตรวจเช็ก ขอชี้แจงว่า อุปกรณ์ที่ใช้ในการซ้อมเมื่อวานนี้ที่เป็นถังคาร์บอนไดออกไซด์ ไม่ใช่ถังที่อยู่ในชุมชนและสถานที่ราชการที่เราติดไว้ ถังคาร์บอนไดออกไซด์เป็นถังที่จะถูกเก็บไว้ที่สถานีดับเพลิงของเรา ซึ่งตอนนี้ถูกเรียกเก็บทั้งหมด และไม่ให้มีการซ้อมโดยใช้ถังคาร์บอนไดออกไซด์ และสัปดาห์หน้าจะเริ่มให้ทางสถานีดับเพลิงทุกสถานี และสำนักงานเขต ร่วมกับประธานชุมชน ลงตรวจพื้นที่ทั้งหมดที่มีถังดับเพลิงที่เป็นถังเคมีแห้งอยู่ หากเป็นถังเก่า ใช้ไม่ได้ หรือถังที่ประชาชนอาจไม่มั่นใจ จะให้ทำการเก็บทั้งหมด ส่วนถังที่ได้มาตรฐานและมีการทดสอบพร้อมการเติมสารเคมีให้อยู่ในสภาพพร้อมใช้
สำหรับการซ้อมดับเพลิงให้หยุดทั้งหมด และออกขั้นตอนในการตรวจสอบที่เรียกว่า visual inspection คือ การตรวจสอบในเบื้องต้น โดยอาสาสมัครป้องกันภัยฝ่ายพลเรือน (อปพร.) ชุมชน ประชาชน และเจ้าหน้าที่ อาทิ การดูเกจ์วัดค่าความดัน สลัก ความกรอบของสายดับเพลิง ขนาด ความบวมของถัง สนิมที่ถัง เป็นต้น ถ้าพบสามารถแจ้งย้ายถังกับสำนักงานเขตพื้นที่ สำหรับประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ซึ่งมีความกังวลใจ พบถังดับเพลิงที่มีลักษณะไม่ปลอดภัย สามารถแจ้งผ่านทาง Traffy Fondue
รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวต่อไปว่า หากจะกลับมาฝึกซ้อม จะรื้อระบบการฝึกซ้อมทั้งหมด ต่อไปนี้เป็นการซ้อมแห้ง ที่ไม่มีการฉีดพ่น เป็นการใช้ถังเปล่าที่ไม่มีการอัดแรงดันใดๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าซ้อมกับโรงเรียนหรือนักเรียนที่ต้องการความปลอดภัยสูง ใช้เกณฑ์การเว้นระยะ ไม่อนุญาตให้มีการซ้อมในพื้นที่ที่ไม่เหมาะสม การใช้อุปกรณ์ในการซ้อมต้องได้มาตรฐานและผ่านการตรวจสอบทุกครั้ง ปรับการฝึกซ้อมให้เป็นการให้ความรู้โดยปลอดภัย และจะร่วมมือกับกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ปรับมาตรฐานความปลอดภัยทั้งหมด โดยการใช้มาตรฐานร่วมกัน
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวด้วยว่า ถังที่ใช้ฝึกซ้อมมีแรงดันสูงมากกว่า 800 PSI ถังทั่วไปที่อยู่ในชุมชนจะเป็นถังเคมีแห้ง แรงดัน 190 PSI เรียกได้ว่าข้อแตกต่างคือ ถังแบบเคมีแห้งจะมีเกจ์ที่วัดความดันอยู่ แต่ถังที่ใช้ซ้อมไม่มีเกจ์ จะใช้วิธีวัดน้ำหนักเอา จะมีวาล์วที่ปล่อยเวลาเกิดความดันสูง ถังที่เราซื้อให้สำหรับการฝึกซ้อม อันนี้ก็คงต้องใช้ถังที่ได้มาตรฐาน เพราะถังนี้ต้องมีการตรวจสอบทุก 5 ปี มีการทดสอบด้วยแรงดันไฮโดรสแตติก ก็คืออัดแรงน้ำเข้าไปให้เกินค่ามาตรฐานกี่เท่า เพื่อให้มั่นใจว่าตัวนี้จะรองรับได้อยู่ ต้องปรับแล้วก็ได้สั่งการให้ทำบัญชีของถังทั้งหมด ต่อไปจะมีระบบ GPS ให้รู้เลยว่าชุมชนนี้มีถังอยู่ที่ไหนบ้าง แต่ละถังตรวจสอบเมื่อไหร่ คือเราใช้เป็นระบบที่ขึ้นพิกัด GPS ทำให้เราสามารถตรวจสอบได้ง่ายขึ้น ก็จะให้เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการชุมชน ร่วมกับอาสาสมัครเทคโนโลยี ในการเอาผังพวกนี้ขึ้น ซึ่งเริ่มทำแล้วบางที่ในเขตบางกอกใหญ่ พอเราได้ทั้งหมดทุกชุมชนแล้วขยายไปยังชุมชนอื่น เมื่อประกอบร่างกันหลายชุมชน ก็จะเห็นถังทั้งกรุงเทพฯ เลยว่า ถังแดงอยู่ตรงไหนบ้าง จะรู้ว่าถังนี้หมดอายุเมื่อไหร่ แล้วก็ตรวจสอบล่าสุดเมื่อไหร่ นำพวกเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อให้เกิดความมั่นใจมากขึ้น
รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวอีกว่า ถังดับเพลิงที่มีอยู่ ถ้าเป็นถังปฏิบัติการจะเป็นถังที่สั่งซื้อทั้งหมดอยู่แล้ว ส่วนถังที่ใช้ในการฝึกซ้อม มีทั้งถังที่เราสั่งซื้อ ส่วนอีกจำนวนหนึ่งซึ่งเจ้าหน้าที่ไปเป็นวิทยากร แล้วได้รับการสนับสนุนมา หรือมีการซื้อถังเพื่อให้จำนวนมีมากพอกับความต้องการในการฝึกซ้อม จึงมีถังที่ถูกจัดซื้อในลักษณะนี้อยู่ ที่ไม่ใช่การจัดซื้อโดยตรงจากงบประมาณของ กทม. อย่างไรก็ตาม แม้เป็นถังที่ซื้อมาเพื่อฝึกซ้อม สาธิต ก็ต้องซื้อตามมาตรฐานที่กำหนด
รองผู้ว่าฯ ทวิดา กล่าวด้วยว่า สำหรับเจ้าหน้าที่ที่ถูกดำเนินคดีทั้งหมด ขณะนี้ให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เพื่อให้สอดคล้องกับที่ทางตำรวจมีสำนวนมา อีกทั้งยังรอสำนวนของพิสูจน์หลักฐานอยู่ด้วย เพื่อระบุให้แน่ชัดว่าเป็นความผิดในลักษณะไหน เป็นการปฏิบัติงานในหน้าที่แล้วทำตามมาตรฐานอย่างที่ควรจะเป็นหรือไม่ ซึ่งตอนนี้ทางพิสูจน์หลักฐานยังไม่ได้ส่งข้อมูลให้ แต่จะมีการเกาะติดเรื่องนี้และไม่ปล่อยแน่นอน ไม่ว่าจะเกิดจากประมาทเลินเล่อ ไม่ว่าจะเกิดจากการที่ไม่ดำรงอยู่ในมาตรฐานการฝึก ทางคณะกรรมการสอบสวนจะทำการอย่างรัดกุมและเคร่งครัดที่สุด ไม่ลดหย่อน
ผู้ว่าฯ ชัชชาติ กล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของการฝึกซ้อมที่โรงเรียนราชวินิต มีหนังสือขอความสนับสนุนมาจากโรงเรียนชัดเจน และมีการอนุมัติจาก ผอ.สปภ. ซึ่งการขอความสนับสนุนการฝึกซ้อมก็เคยมีมาอยู่แล้ว จากที่ได้คุยกับพนักงานดับเพลิงหลายคน ทุกคนบอกว่าไม่เคยมีกรณีถังคาร์บอนไดออกไซด์ระเบิดแบบนี้ ซึ่งเหตุการณ์นี้ทาง กทม.ก็รับไม่ได้เช่นกัน เพราะเรามีหน้าที่ดูแลประชาชน แต่ประชาชนต้องมาบาดเจ็บเสียชีวิตจากการดำเนินการ หรืออุปกรณ์ที่เรานำไปสอน ต้องตรวจสอบให้ละเอียด และต้องเกิดขึ้นอีกไม่ได้เลยในอนาคต
เรื่องการเยียวยาผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต มีเงินเยียวยา แต่ไม่ใช่จำนวนมาก เพราะเป็นไปตามระเบียบราว 29,700 บาท สำหรับผู้เสียชีวิต ส่วนผู้ประสบภัย 4,000 บาท ที่เรียกว่าค่าปลอบขวัญ ส่วนการรักษาพยาบาล โรงพยาบาลกรุงเทพมหานครออกให้ทั้งหมด แต่เงินเท่าไรก็ไม่มีทางคุ้มกับชีวิตของน้องที่เสียไป. – สำนักข่าวไทย