กรุงเทพ 13 มิ.ย.- “พิธา” เตรียมผลักดัน เอสเอ็มอี เป็นสภาเอสเอ็มอี เหมือนสภาอุตสาหกรรมฯ-สภาหอการค้าไทย รวมทั้งนโยบาย หวยเอสเอ็มอี พร้อมเพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาสต่อรองให้กับเอสเอ็มอีไทย เผยมั่นใจจะเข้าไปโหวตเลือกนายกฯ คนที่ 30 ได้อย่างแน่นอน
ที่สมาพันธ์ SME ไทย เขตจตุจักร นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ เข้าประชุมร่วมกับนายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์ SME ไทย และคณะ โดยใช้เวลาในการประชุมประมาณ 2 ชั่วโมง
นายพิธากล่าวว่า ครั้งก่อนทางสมาพันธ์มีโอกาสได้ไปเยี่ยมพรรคก้าวไกล 1 ครั้ง และพรรคก้าวไกลก็สัญญาว่าจะกลับมาเยี่ยมที่สมาพันธ์ จึงเดินทางมาในวันนี้ ได้มีโอกาสแลกเปลี่ยนพูดคุยกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งสมุดปกขาว (รายงานผลการดำเนินงานประจำปี) กับทางสมาพันธ์ เพื่อที่จะให้รัฐบาลเป็นปากเป็นเสียง และช่วยสนับสนุนให้กับพี่น้อง SME รวมถึงยังมีโอกาสได้แลกเปลี่ยนในสถานการณ์เศรษฐกิจไทยหลังวิกฤตโควิด-19 ซึ่งมีโอกาสได้ทำการบ้านต่อ และเปรียบเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียนอย่างมาเลเซีย เพื่อที่จะได้ดู 3-4 ปีที่ผ่านมาในช่วงเปลี่ยนผ่านเศรษฐกิจโลก ในช่วงเปลี่ยนผ่านของเอเชีย ภาพของ SME ไทยอยู่ตรงไหน จึงใช้โอกาสนี้ในการเพิ่มเติมความเห็นจากคราวที่แล้วในการทำงานร่วมกัน
นายพิธา เปิดเผยภายหลังการหารือ ว่า ได้พูดคุยถึงทิศทางการบริหารเศรษฐกิจแบบมหภาค และพูดคุยถึงสถานการณ์เอสเอ็มอีไทยในช่วงก่อนโควิด ช่วงโควิดและหลังโควิด รวมทั้งสัดส่วนของเอสเอ็มอีต่อสัดส่วนของจีดีพีประเทศไทย นอกจากนี้ยังได้มีการหารือถึง หวยเอสเอ็มอี หวยใบเสร็จ ต้นทุนพลังงาน กฎหมายที่ไม่เป็นธรรมกับเอสเอ็มอี นอกจากนี้ยังมีแนวคิดที่จะผลักดันเอสเอ็มอีไทยให้เป็น สภาเอสเอ็มอีแห่งประเทศไทย มีลักษณะคล้ายกับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เพื่อที่จะได้มีการประชุมเเลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างสม่ำเสมอและยกระดับเอสเอ็มอีไทยให้แข่งขันได้ โดยจะทำให้เอสเอ็มอีไทย “เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาส” โดยย้ำว่าถ้าตั้งรัฐบาลได้สำเร็จจะเดินหน้าทำทันที
นายพิธา ได้พูดถึงการเปิดเผยคลิปประชุมหุ้นไอทีวี ด้วยว่า มีขบวนการฟื้นไอทีวีขึ้นมาซึ่งเรื่องนี้ตนเองรู้อยู่แล้วเพราะมีคนส่งข้อมูลมาให้เรื่อยๆ และคณะทำงานกฎหมายของพรรคก้าวไกลก็ได้ข้อมูลมาเรื่อยๆ มีการแยกแยะข้อมูลเพื่อต่อสู้ตามกระบวนการและหลักกฎหมาย โดยตนเองมั่นใจว่าจะเข้าไปโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทยได้อย่างแน่นอน โดยนายพิธา ระบุ เรื่องการถือหุ้นสื่อเคยเกิดขึ้นกับคุณธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ มาก่อน ซึ่งคุณธนาธร ได้หยุดปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 151
นายแสงชัย ธีรกุลวาณิช ประธานสมาพันธ์ SME ไทย กล่าวเพิ่มเติมว่า หลังการหารือกับนายพิธา ได้ข้อสรุป 5 เรื่อง คือ 1.เรื่องการปลุกเศรษฐกิจฐานรากด้วยหวยเอสเอ็มอี การจัดทำเอสเอสอีวอลเล็ท การส่งเสริมเอสเอ็มอีสู่สากล 2.การแก้ปัญหาต้นทุนให้กับเอสเอ็มอีไทย 3.การจัดหาแหล่งเงินทุนต้นทุนต่ำ 4.การยกระดับความสามารถของเอสเอ็มอีไทย การดึงแรงงานนอกระบบ และ 5. การแก้กฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อเอสเอ็มอีไทย .-สำนักข่าวไทย